XRP หรือ Ripple ถือเป็นเหรียญกลุ่มมาร์เกตแคปใหญ่ที่สร้างความผิดหวังในแง่ของผลงานมาโดยตลอดแม้ว่าจะมีเอฟซีจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น
XRP ถูกจัดอันดับให้เป็นเหรียญที่ผลงานแย่ที่สุดของปี 2019 ขณะที่ปีนี้ดูจะมีการฟื้นตัวของราคาที่ช้าที่สุด จนกระทั่งถูกเหรียญรุ่นใหม่ๆอย่าง LINK แซงหน้าในเชิงมาร์เกตแคปได้ในระยะสั้น
ล่าสุดยังถูก Tether (USDT) แซงขึ้นมาเป็นอันดับที่สี่ของเหรียญที่มีมาร์เกตแคปสูงสุดเป็นที่เรียบร้อยด้วยมูลค่าที่เกิน 10,000 ล้านดอลลาร์ได้ในเร็วๆนี้
แต่เมื่อคืนที่ผ่านมา XRPปรับตัวพุ่งกว่า 7% กลายเป็นเหรียญที่ผลงานดีที่สุดของเมื่อวาน จากกราฟเทคนิคจะเห็นว่า Ripple สามารถ Breakout เส้นเทรนด์ไลน์ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญขึ้นมาได้และกำลังกลับมายืนเหนือราคาเดินก่อนเกิด Black Thursday ได้สำเร็จ
แนวต้านต่อไปคือ 0.266 ดอลลาร์ ตามแนว Fibonacci เป้าหมายสำคัญคือการทดสอบจุดสูงสุดเดิมของปีนี้ที่ระดับ 0.35 ดอลลาร์ สำหรับใครที่พลาดตกรถเหรียญอื่นๆสามารถพิจารณา Ripple เป็นทางเลือกได้ หากราคามีการย่อตัวแล้วไม่หลุดเส้นเทรนด์ไลน์ลงไปอีก
ในเชิงเทคนิคแม้ว่าราคากำลังจะฟื้นตัว แต่ในเชิงพื้นฐานแล้ว Ripple ยังมีข้อสงสัยว่าจะมีปัจจัยบวกสนับสนุนใดที่มีน้ำหนักพอที่จะผลักดันราคาให้ไปได้ไกลๆ
หากเทียบกับเหรียญอื่นๆที่มีคุณสมบัติเหมือนกันนั่นคือใช้ในการโอนเงินXRPดูจะมีความเสียเปรียบในแง่ที่มีความเป็น Centralize (ถูกควบคุมดูแล) โดยสถาบันการเงิน นี่เป็นจุดอ่อนที่ Ripple ถูกโจมตีมายาวนาน
ต่างจาก ADA หรือ Cardano ซึ่งทำงานบน Decentralize Blockchain ล่าสุดได้มีการอัพเกรดใหม่เป็นเวอร์ชั่น Shelly เพิ่มคุณสมบัติ Proof Of Stake ขึ้นมา
อีกประเด็นสำคัญคือการเติบโตของการใช้ Ripple ในการโอนเงินระหว่างประเทศโดยสถาบันการเงินอาจจะเริ่มสั่นคลอนจากการที่เริ่มมีผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์หันมาจับตลาดนี้มากขึ้น อย่างเช่น Paypal ซึ่งกระโดดเข้ามาในสนามคริปโตอย่างเป็นทางการแล้ว ขณะที่ Mastercard ก็หันมาพัฒนาฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตด้วยเช่นกัน
ต้องถือว่าแทบจะไม่มีพัฒนาการใดๆเกิดขึ้นกับเหรียญ XRPอย่างมีนัยยะสำคัญนอกไปจากข่าวที่ไปร่วมมือกับธนาคารต่างๆ
ไม่นับรวมการเติบโตของ Stablecoin ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในทุกสกุลและความพยายามที่จะกำกับดูแล Stablecoin ให้อยู่ภายใต้กฎระเบียบทางการเงินระหว่างประเทศ นี่อาจจะเป็นคู่แข่งสำคัญของ Ripple ก็เป็นได้หากอนาคตสถาบันการเงินให้การยอมรับมากขึ้น
สรุปแล้ว Ripple กำลังประสบปัญหาในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีที่ดูจะตามหลังเหรียญรุ่นใหม่ๆ รวมถึงการมาของคู่แข่งหน้าใหม่ไม่ว่าจะเป็น Stablecoin ซึ่งกำลังได้รับการยอมรับมากขึ้นและสถาบันการเงินรายใหญ่ที่หันมาพัฒนาคริปโตของตัวเอง ทำให้ปัจจัยพื้นฐานของ Ripple อ่อนแอลง
บทความที่เกี่ยวข้อง : ทำความรู้จักกับเหรียญ XRP และ Ripple