นาย Vitalik Buterin ผู้ก่อตั้งเหรียญอันดับสองอย่าง Ethereum ได้ร่วมพูดคุยกับ Camila Russo แห่งสื่อด้านเทคโนโลยีการเงินแบบกระขายศูนย์ Defiant ในช่วงเปิดตัวของงาน Ethereal Summit 2020 โดยทั้งสองได้พูดคุยผ่านทางวีดีโอแชทในหัวข้อต่าง ๆ เช่น อนาคตของ Ethereum ในสภาวะการเมืองและวิกฤตในโลกปัจจุบัน รวมไปจนถึงอนาคตของ DeFi อีกด้วย
โดย Vitalik ได้เผยมุมมองของเขาว่า ณ ปัจจุบันนี้ วิกฤตเศรษฐกิจยังไม่ใช่ปัญหาหลักของโลก หากแต่เป็นความตึงเครียดและไม่เชื่อใจกันระหว่างประเทศมหาอำนาจ โดย Camila ได้ตั้งคำถามกับ Vitalik ว่า “ถ้าสถานการณ์ต่าง ๆ ในปัจจุบัน ทั้งนโยบายอัดฉีดเงินอย่างสุดโต่งและวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังจะก่อตัวขึ้น เป็นเหตุก่อให้เกิดความไม่เชื่อใจในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯอีกต่อไป รวมไปจนถึงสกุลเงินหยวนดิจิทัลของจีนที่เข้ามากุมอำนาจและคอยสอดส่องการใช้เงินของประชาชนอย่างเบ็ดเสร็จส่งผลให้คนหันมาหาเงินอิสระอย่างคริปโตเคอเรนซี่มากขึ้น บทบาทของ Ethereum ควรจะเป็นอย่างไร?”
นาย Vitalik ได้ให้คำตอบว่า โลกปัจจุบันนี้ ได้เกิดความตึงเครียดและสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจกันระหว่างประชาคมโลกไปแล้ว และเครื่องมือหรือระบบการเงินที่ถูกสร้างมาโดยรัฐอธิปไตยอย่างเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) เงินหยวนดิจิทัล (DC/EP) หรือแม้กระทั่ง Libra ไม่สามารถเชื่อมรอยร้าวดังกล่าวได้อย่างแน่นอน หากแต่บล็อกเชน หรือ Ethereum ที่มีความเป็นกลางทางการเมืองนั้นสามารถเล่นบทบาทเป็นกาวสอดประสานให้แก่ระบบการเงินของรัฐอธิปไตยต่าง ๆ ยังทำงานร่วมกันผ่านตัวกลางที่ไม่มีใครควบคุมเช่นนี้ได้อยู่”
Camila ยังได้ถามเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ DeFi เนื่องจากปัจจุบันนี้ DeFi ตกเป็นเป้าการจู่โจมของเหล่าแฮกเกอร์ ส่งผลให้เงินที่ล็อคเอาไว้บนระบบต้องถูกขโมยไปเป็นจำนวนมาก และมีโอกาสจะซ้ำรอบกับฟองสบู่ ICO ที่เคยตกเป็นเครื่องมือของเหล่านักต้มตุ๋นจนทางการต้องเข้ามาออกกฎหมายควบคุมหรือไม่?
นาย Vitalik ได้ยกตัวอย่างว่ามีโปรเจกต์ DeFi มากมายที่เกิดขึ้นมาหลายปีแล้วแต่ก็ยังไม่เคยถูกโจมตีหรือแฮกระบบ “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัว DeFi แต่อยู่ที่ผู้สร้างมากกว่าว่าจะออกแบบระบบ DeFi ให้ปลอดภัยได้อย่างไร” โดยโปรเจกต์ DeFi ในปัจจุบันต่างแข่งกันที่ผลตอบแทนว่าใครให้ดอกเบี้ยมากกว่าหรือใช้เงินค้ำประกันน้อยกว่า แทนที่จะโฟกัสที่จะสร้างแพลตฟอร์มที่ใช้งานได้ง่ายและปลอดภัยมากขึ้นได้อย่างไร
นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังได้พูดถึงการอัพเกรด ETH2.0 ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งเป็นการเพิ่มระบบ Sharding และเปลี่ยนอัลกอริธึมมาเป็นระบบ Proof-of-Stake เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและรองรับการทำธุรกรรมจำนวนมากที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
โดยนาย Vitalik ได้อธิบายว่า ระบบ Ethereum ในปัจจุบัน หรือ ETH1.0 จะยังคงอยู่บน Shard หนึ่งในระบบของ ETH2.0 (ให้จินตนาการว่า Shard = เกาะ และใน ETH2.0 จะมีหลาย ๆ เกาะที่เชื่อมต่อกัน) โดยผู้ใช้งานยังสามารถเข้าถึงข้อมูลของทั้งระบบเก่าและระบบใหม่ได้อย่างไม่มีปัญหา
เมื่อ Camila ได้ถามว่าเขากังวลเรื่องใดมากที่สุดในขั้นตอนการเปลี่ยนผ่านไปยังระบบ ETH2.0 นาย Vitalik ได้ให้คำตอบว่า “คงเป็นเรื่องปัญหาทางเทคนิคและความยุ่งยากต่าง ๆ ที่อยู่นอกเหนือจากความคาดหมายของเรา ซึ่งอาจก่อให้เกิดความล่าช้าในการอัพเกรดมากเข้าไปอีก”
อย่างไรก็ตาม Vitalik ยังได้บอกอีกว่า เขาไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องของแฟน ๆ และผู้สนับสนุนมากนัก เพราะการเปลี่ยนผ่านไปยังระบบ PoS และ Sharding นี้เป็นเหมือนสัญญาทางใจที่ทุกคนในชุมชนต่างเฝ้ารอกันอยู่แล้ว และคนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ก็ได้ออกไปหาโปรเจกต์อื่น ๆ ที่ตรงกับใจของพวกเขามากกว่าอย่างเช่น Ethereum Classic
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: เจ้าพ่อเฮดจ์ฟันด์ Paul Tudor Jones ลงทุนในบิทคอยน์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ