fbpx
Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

Uber กำลังปรับเปลี่ยนโครงสร้างเข้าสู่ระบบ Digital มากขึ้น พร้อมปลดพนักงานเพิ่มอีก 3,000 ตำแหน่ง

ผู้แต่ง: World Maker

เรื่องนี้มีผลอะไรต่อเราบ้าง? มีเรื่องอะไรที่เราควรรู้ และควรคิดต่อไป? วันนี้ World Maker จะมานำเสนอให้ฟังครับ

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Uber Technologies Inc. ได้สั่งปลดพนักงานเพิ่มอีก 3,000 ตำแหน่ง รวมทั้งยังปิดสำนักงานอีกหลายแห่ง หลังจากได้รับผลกระทบจาก Coronavirus

นับตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา Uber ได้ปลดพนักงานฝ่าย Customer Support และ HR ไปร่วม 3,700 คน คิดเป็นถึง 25% ของพนักงานทั้งหมด

การปลดพนักงงานครั้งนี้เป็นการย้อนถึงคำสัญญาหนึ่งที่ Uber เคยบอกไว้ว่า “จะปฏิวัติการขนส่งด้วยระบบรถยนต์อัตโนมัติ” โดยในอีเมลที่ส่งถึงพนักงานของ Khosrowshahi ซึ่งเป็น CEO ได้ระบุเอาไว้ว่า “Uber จะหยุดทำโปรเจครอง และหันมามุ่งเน้นทำเฉพาะ 2 โปรเจคหลักคือ

1. Ride-hailing (หรือก็คือ การเรียกใช้ยานพาหนะผ่าน Application)
2. บริการขนส่งอาหาร

นอกจากนี้ได้มีการพิจารณาปิดสาขาอื่น ๆ เพิ่มเติมซึ่งรวมไปถึง Uber Incubator, AI Lab และบริการจัดหางาน (Uber Work) และยังได้เปิดเผยถึงแผนการที่จะปิดสำนักงานทั่วโลกถึง 45 แห่ง

Khorowshashi ยังได้ระบุอีกว่า “เราต้องตั้งบริษัทให้ยืนได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องเพิ่งนักลงทุนหรือกลไกระบบทุนนิยมเพื่อให้บริษัทเติบโต *”

แต่แม้ผู้บริหารจะเปิดเผยข้อความเช่นนี้ (ซึ่งตามหลักแล้วไม่น่าจะถูกใจนักลงทุน) แต่หุ้นของบริษัทกลับปรับตัวขึ้น 9% หลังจากมีข่าวออกมา

* Comment : World Maker ขยายความตรงนี้ให้ก็คือ Uber กำลังลดการสร้างหนี้ และการใช้สภาพคล่องจากสินเชื่อนั่นเอง นี่มันหลักเศรษฐกิจพอเพียงชัด ๆ เลยครับ และแม้จะดูเหมือนไม่ถูกใจนักลงทุน แต่ความเป็นจริงก็คือนักลงทุนพวกนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าบริษัทที่แข็งแกร่งได้ด้วยตนเองนั้นคือบริษัทที่เหมาะสมจะทำการลงทุนมากที่สุดแล้ว (แก่นแท้อยู่ตรงนี้)

ปัจจุบันหุ้น Uber Technologies Inc. ซื้อขายกันอยู่ที่ 34.45 $/หุ้น

ผลการปรับโครงสร้างของ Uber ครั้งนี้จะทำให้เกิดค่าใช้จ่าย 175-220 ล้านดอลลาร์ โดยตั้งแต่การระบาด Uber ได้มุ่งเน้นไปที่ส่วนภูมิภาคและส่วนของภาคธุรกิจแทน ซึ่งหากนับตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา Uber ได้ปิดสำนักงานในส่วนของ Driver หรือคนขับไปแล้วกว่า 40% อย่างถาวร

บริษัท Lyft ซึ่งทำธุรกิจคล้าย ๆ กับ Uber ก็ได้ปลดพนักงานออกไปกว่า 17% นอกจากนั้นยังได้ปรับลดเงินเดือนของพนักงานอีกด้วย ส่วนทางฝั่ง Airbnb เองก็ได้ปลดพนักงานไปแล้วกว่า 25%

Uber ได้ลงทุนจำนวนไปกับการพัฒนาด้านผู้ใช้งาน และต้องเผชิญกับความท้าทายตั้งแต่ก่อนเกิดการระบาดขึ้น แม้ว่าแผนก Ride Hailling ยังสามารถทำกำไรได้ แต่ในส่วนของบริการขนส่งอาหารนั้นขาดทุน อีกทั้งยังต้องเดิมพันกับเรื่องพาหนะอัตโนมัติ ที่ยังไม่เคยทำสำเร็จมาก่อนอีกด้วย

จากรายงานของบริษัทพบว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีการลดลงขอบผู้ขับขี่ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2020 และบริษัทก็ได้ปรับเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นการทำกำไรในปีหน้า แทนที่จะเป็นก่อนช่วงสิ้นปีนี้

Khosrowhahi ได้เปิดเผยถึงวิธีการที่จะทำให้ Uber บรรลุเป้าหมายในครั้งนี้ นั่นก็คือ บริษัทจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายลง 1 พันล้านดอลลาร์ รวมถึงลดในส่วนของภาคโรงงาน และสำนักงานอื่น ๆ ด้วย

นอกจากนี้เขายังได้กล่าวอีกว่า แม้ Uber จะขาดทุนในส่วนของการขนส่งอาหาร แต่นี่คือโอกาสที่บริษัทจะเติบโตครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้ โดยในปัจจุบันได้มีการเจรจาซื้อธุรกิจของบริษัท Grubhub ซึ่งจะสามารถทำให้ Uber ดึงส่วนแบ่งตลาดด้านการขนส่งอาหารกลับมาได้

คำแนะนำด้านการใช้ชีวิต และคำแนะนำสำหรับนักลงทุน

ในอนาคตนั้น สิ่งที่ World Maker คิดว่าไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เลยคือกระแสของการ Digital Disruption ซึ่งจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป โดยเราจะสังเกตุได้ว่าแม้แต่ระบบการเงินโลก หรือกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง ต่างก็กำลังปรับตัวเข้าสู่การให้บริการและดำเนินงานในรูปแบบ Digital มากขึ้น

อนึ่งแล้ว การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ เกิดขึ้นจากการที่วิถีชีวิตของผู้คนเริ่มเปลี่ยนไป ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการระบาดของ Coronavirus แต่อย่างใด เพราะเราจะสังเกตได้ว่าก่อนเกิดการระบาด ธุรกิจต่าง ๆ ก็กำลังปรับตัวเข้าสู่ระบบ Digital กันมากขึ้นแล้ว

กล่าวคือ Digital Disruption นั้นเกิดมาก่อนการระบาดของ Coronavirus เสียอีก และการระบาดในครั้งนี้เป็นเพียงตัวเร่งให้ Digital Disruption มาเร็วขึ้นไปนั่นเอง

และในประเด็นนี้ World Maker ได้ย้ำอยู่ตลอดว่า “วิถีชีวิตของผู้คนและเทคโนโลยีนั้นเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน ธุรกิจและผู้คนเองจึงจำเป็นต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา”

ต่อไปผู้คนจะไม่จำเป็นต้องใช้ความฉลาดทาง IQ เพื่อทำงานอีกแล้ว แต่เราจำเป็นต้องใช้ความฉลาดทาง EQ SQ และอื่น ๆ เพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ในโลกอนาคต โดยทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเกี่ยวข้องกับ “Soft Skill”

เพราะสิ่งที่เรียกว่า Soft Skill คือทักษะที่เครื่องจักรหรือ AI ยังทำไม่ได้เหมือนมนุษย์ ณ ปัจจุบันนี้ (แต่ในอนาคตก็ไม่แน่ครับ) และ Soft Skill ก็จะกลายเป็นจุดแข็งที่ทำให้คุณสามารถอยู่รอดได้ในสายอาชีพของคุณในอนาคต

ส่วนทางด้านนักลงทุนนั้น หากท่านมองในระยะยาว หุ้นกลุ่ม Digital และ Technology ก็ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจอย่างมาก และน่าจะเป็นเพียงไม่กี่กลุ่มที่มีความมั่นคงพอ ๆ กับหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้อยู่ตลอดว่า (Always Demanding) เช่น อาหาร และเนื้อสัตว์

อ่านเพิ่มเติม: เงินดิจิทัลมีส่วนเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างไร

ที่ World Maker บอกเช่นนี้ ก็เพราะมีเหตุผลและมุมมองที่ว่า

“นอกจากปัจจัย 4 คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรคแล้วนั้น เทคโนโลยีถือเป็นสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ยุคใหม่ได้นำเข้ามาพัวพันกับชีวิตจนแทบจะกลายเปนปัจจัยที่ 5 ไปเรียบร้อยแล้ว”

“และนอกจากนี้ ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เทคโนโลยีก็มีแต่จะยิ่งพัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆ ไปอีก และสุดท้ายเทคโนโลยีเหล่านี้ก็จะทำให้มนุษย์มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และแน่นอนว่าด้วยความเป็นธรรมชาติของมนุษย์นั้น ไม่มีใครที่สามารถปฏิเสธความสะดวกสบายได้อย่างแน่นอน”

สุดท้ายแล้วจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ด้วยมุมมองของ Word Maker และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นบนโลกปัจจุบันนี้ จะสามารถทำให้ผู้อ่านตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของระบบกลไกโลก ที่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านจะสามารถนำมุมมองและความรู้ที่ได้รับจากบทความนี้ ไปใช้ประโยชน์กับชีวิตส่วนตัว เพื่อพัฒนาทักษะและความสามารถของตนเองในอนาคตได้ ไม่มากก็น้อย

สำหรับบทความนี้ World Maker ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ เจอกันบทความหน้าครับ ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบครับผม

References :

1.https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-05-18/uber-expands-job-cuts-bringing-total-this-month-to-6-700?srnd=premium-asia
2.https://www.fool.com/investing/2020/05/19/uber-has-now-cut-a-quarter-of-its-workforce.aspx

Leave a comment

เกี่ยวกับ SuperCryptoNews

สื่อชั้นนำด้านบล็อกเชนและคริปโตในภูมิภาคเอเชีย นำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างรอบด้านและเจาะลึก ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสิงคโปร์และประเทศไทย

สมัครรับข่าวสารจาก SCN