เว็บเทรดตราสารอนุพันธ์คริปโตเคอเรนซี่ FTX เปิดให้นักเทรดคริปโตซื้อหุ้นชื่อดังอย่าง Tesla, Apple, Amazon และอื่น ๆ ได้แล้วในรูปแบบโทเคน
บิทคอยน์ (BTC) พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดของปี 2020 ที่ 13,863 ดอลลาร์ก่อนที่จะร่วงลงมาอย่างรวดเร็วกว่า 600 ดอลลาร์ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
สัปดาห์ที่ผ่านมา บิทคอยน์ ให้ผลตอบแทน +11.18% ทองคำให้ผลตอบแทน -0.40% น้ำมันดิบ WTI -5.31% ดัชนี NASDAQ -1.12% และดัชนี S&P500 -0.76% ถือได้ว่าบิทคอยน์มีความโดดเด่นเหนือสินทรัพย์อื่นๆ
นี่คือสามอินดิเคเตอร์สำคัญที่ช่วยชี้ว่าเหล่า Bitcoin HODLers ส่วนใหญ่มีกำไรหรือไม่ ตื่นตกใจอยู่หรือเปล่า และมีความสุขกับการลงทุนของพวกเขาไหม
เทรนด์ราคาล่าสุดของ Bitcoin ที่สามารถขึ้นทะลุแนวต้าน 12,000 และ 12,500 ดอลลาร์ได้สำเร็จส่งผลให้เกิดการฟอร์มแพทเทิร์น Head and Shoulders กลับหัวในไทม์เฟรมระยะยาว
เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเป็นเหมือนสวรรค์สำหรับนักเทรด Altcoins ทำให้เงินทุนจำนวนมากไหลออกจากบิทคอยน์ไปสู่ตลาด Alts และส่วนแบ่งตลาด (Market Dominance) ของ Bitcoin ร่วงต่ำกว่า 60%
DeFi Token เริ่มมีการฟื้นตัวขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้หลังถูกเทขายอย่างหนักในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาพรวมทางด้านกราฟเทคนิคหลายตัว ๆ เริ่มที่จะไม่ทำ Lower Low แต่คำถามคือจะฟื้นไปทำ Higher High ได้หรือไม่?
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา YFI ได้เบรคดาวน์ลงจาก Head and Shoulders แพทเทิร์น ส่งผลให้ราคาหลุดระดับ 20,000 ดอลลาร์ลงมาอย่างรุนแรงจนมาสุดที่ระดับ 12,200 ดอลลาร์
ตลาด Decentralized Finance หรือ DeFi กำลังเผชิญกับการไหลออกอย่างต่อเนื่องของเงินทุน ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปหรือมูลค่าตลาดของโทเคน DeFi ร่วงถึง 25% เมื่อวานนี้เพียงวันเดียว
ราคาของบิทคอยน์ (BTC) นิ่งสนิท ส่งผลให้ค่าความผันผวนปรับตัวลดต่ำลงจากราคาที่ไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหว และนี่เป็นสัญญานของพายุใหญ่ที่กำลังก่อตัวขึ้น