การที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯกำลังจะติดลบนั้นถือเป็นโอกาสสำคัญของ บิทคอยน์ และจะผลักดันให้นักลงทุนระดับสถาบันให้เสาะหาสินทรัพย์ทางเลือกใหม่ ๆ ที่มีความมั่นคงกว่าเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายติดลบนั้นบ่งบอกถึงภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
โดยขณะนี้ทองคำซื้อขายกันอยู่ที่ราคา 1,735 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ให้ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) ที่ 14% แต่ในช่วงเวลาเดียวกัน บิทคอยน์ให้ผลตอบแทน YTD มากกว่าทองคำถึงกว่าเท่าตัว อยู่ที่ 32% YTD
Paul Tudor Jones ตำนานแห่ง Wall Street ได้ออกมาเปิดเผยผ่านสำนักข่าว Bloomberg ว่าได้ลงทุนในบิทคอยน์เพื่อป้องกันความเสี่ยงภาวะเงินเฟ้อ
เงินดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นสกุลเงินหลักของโลกยังคงเป็นที่พึ่งในภาวะวิกฤต ขณะที่ บิทคอยน์ แม้ถูกหมายมั่นว่าจะเป็นสกุลเงินใหม่ของโลกที่มาแทนเงินกระดาษแบบเดิม ๆ กลับมีความต้องการที่น้อยกว่า
Bitcoin มีมาร์เกตแคป 1,000 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าเล็กมาก หากมีเม็ดเงินส่วนเกินเข้าไปเพียงเล็กน้อยก็พอที่จะผลักดันให้ราคาวิ่งทำนิวไฮได้