NASDAQ สร้างจุดสูงสุดใหม่ในปีนี้ด้วยผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 14% ขณะที่บิทคอยน์สร้างผลตอบแทนได้ 30% ในปีนี้ แต่ระยะสั้นบิทคอยน์ยังน่าสนใจกว่า
Goldman Sachs ปรับเพิ่มระดับคาดการณ์ราคาทองคำหลังจากตลาดเริ่มมีความกังวลในเรื่องการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ขณะที่การออกพันธบัตรระดับ Junk Bonds เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์
ตัวเลขล่าสุดของจำนวนผู้ขอยื่นรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐฯ หรือที่เราเรียกกันว่า U.S. Initial Jobless Claims นั้นล่าสุดออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์เอาไว้ โดยยังมีผู้ยื่นรับสวัสดิการกว่า 1 ล้านคนเป็นสัปดาห์ที่ 13 ติดต่อกัน
FED ประกาศแผนการเข้าซื้อหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนโดยตรง ซึ่งอาจมีมูลค่าถึง 3 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจากเอเชียกล่าวว่าการพังทลายของค่าเงินดอลลาร์นั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยค่าเงินอาจลดลงถึง 35%
เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่มาได้ไม่สดใสนักสำหรับบิทคอยน์ ปรับตัวลดลงจากระดับ 9,400 ดอลลาร์และร่วงทะลุระดับ 9,000 ไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับมาเล็กน้อยโดยขณะนี้ซื้อขายกันอยู่ที่บริเวณ 9,100 ดอลลาร์
สหรัฐฯ ขาดดุลงบประมาณในเดือนพฤษภาคมถึง 3.99 แสนล้านดอลลาร์ คิดเป็นเกือบ 2 เท่าของปี 2019 ขณะที่เศรษฐกิจในหลายประเทศได้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเรียบร้อยแล้ว
ร้านค้าในเกาหลีใต้เตรียมตัวที่จะรองรับการชำระเงินด้วยสกุลเงินหยวนดิจิทัลเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนที่จะกลับเข้ามาหลังไวรัสโควิด-19
Dollar Index มีแนวโน้มอ่อนค่าลงอย่างชัดเจน ขณะที่บิทคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินทางเลือกที่ถูกคาดว่าจะสามารถเป็นสินทรัพย์ที่สามารถป้องกันเงินเฟ้อที่เกิดจากการพิมพ์เงินจำนวนมหาศาลของ FED มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่หลัง Black Thursday
ก่อนหน้านี้ถือเป็นข่าวใหญ่พอสมควร สำหรับตัวเลขการว่างงานของสหรัฐ ฯ ที่ออกมาดีเกินคาดการณ์เอาไว้อย่างมาก ส่งผลให้เกิดคำถามมากมายขึ้นในตลาดหรือแม้แต่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ เอง ว่าเป็นไปได้อย่างไร?
The Dangerous Gap คือพาดหัวหน้าหนึ่งบน นิตยสาร The Economist ซึ่งอธิบายปรากฎการณ์ที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นดั่งกระทิง ทั้งที่ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสโควิดยังไม่จางหายไป