สกุลเงินดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นบิทคอยน์รวมถึงหยวนดิจิทัลและลิบรา จะเป็นกลไกสำคัญของสังคมไร้เงินสดที่จะเกิดขึ้นอย่างเต็มตัวในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน
Coinbase เผย นักลงทุนยังคาดหวังกับ Altcoins โดยมีเพียง 24% เท่านั้นที่ลงทุนในบิทคอยน์เพียงอย่างเดียว
นักเทรดคริปโตหน้าใหม่กว่า 60% จะเริ่มต้นจากการซื้อบิทคอยน์ก่อน แต่หลังจากนั้นมักจะขยับขยายไปซื้อเหรียญ Altcoins อื่น ๆ โดยมีผู้ที่ซื้อแต่บิทคอยน์เพียงอย่างเดียวอย่างต่อเนื่องแค่ 24% เท่านั้น
การที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯกำลังจะติดลบนั้นถือเป็นโอกาสสำคัญของ บิทคอยน์ และจะผลักดันให้นักลงทุนระดับสถาบันให้เสาะหาสินทรัพย์ทางเลือกใหม่ ๆ ที่มีความมั่นคงกว่าเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายติดลบนั้นบ่งบอกถึงภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีดราม่าเกิดขึ้นในทวิตเตอร์เล็กน้อย หลัง J.K. Rowling ผู้แต่งหนังสือชุด Harry Potter โพสถามขณะกำลังกรึ่ม ๆ ว่า “ฉันไม่เข้าใจว่าบิทคอยน์คืออะไร ช่วยอธิบายให้ฟังที”
โดยขณะนี้ทองคำซื้อขายกันอยู่ที่ราคา 1,735 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ให้ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) ที่ 14% แต่ในช่วงเวลาเดียวกัน บิทคอยน์ให้ผลตอบแทน YTD มากกว่าทองคำถึงกว่าเท่าตัว อยู่ที่ 32% YTD
Davinci Jeremie หรือที่รู้จักกันในนาม DavinciJ15 ผู้เคยโด่งดังจากการที่เคยออกมาบอกผ่านช่อง Youtube ส่วนตัวของเขาว่าบิทคอยน์จะเป็นเทคโนโลยีที่มาเปลี่ยนโลกในอนาคตเมื่อปี 2011
เงินดิจิทัล เร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยการทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงินที่เร็วขึ้นหรือ Money Velocity จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายทางเศรษฐกิจ
เมื่อคืนที่ผ่านมา (วันที่ 12 พ.ค. 2020) Bitcoin ได้ผ่านเข้าสู่ยุคที่ 4 เป็นที่เรียบร้อยหลังเกิดการ Halving ครั้งที่ 3 ไปเมื่อเวลาประมาณ 02:23 นาฬิกา
จำนวนผู้ใช้บิทคอยน์นั้นมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยจุดสังเกตุที่เด่นชัดที่สุดคือจำนวนกระเป๋าสตางค์หรือ Wallet ที่มีบิทคอยน์เก็บไว้ภายใน
ปีนี้ถือเป็นปีที่น่าตื่นเต้นสำหรับวงการคริปโตและ เงินดิจิทัล เริ่มตั้งแต่การเกิด Bitcoin Halving อีกครั้งในรอบสี่ปี การเกิดขึ้นของสกุลเงินหยวนดิจิทัลหรือ DCEP รวมถึงสกุลเงิน Libra ของ Facebook ที่ถอยกลับไปตั้งหลักใหม่และมีกำหนดการจะเปิดตัวให้ได้ภายในสิ้นปีนี้