ทองคำ ถูกเทขายอย่างหนักจาก Dollar Index ที่กลับมาแข็งค่า ส่วนตลาดคริปโตถูกเทขายหนักด้วยเช่นกัน แต่ภาพรวมของทั้งทองคำและคริปโตยังไม่สูญเสียโมเมนตัมของขาขึ้น
แม้กระแส DeFi กำลังโด่งดังในแวดวงคริปโตจากความนิยมและราคาที่พุ่งขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อคำนึงถึงสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงและเป็นตัวเก็บมูลค่าที่ดีได้แล้วนั้นหลายคนยังมองย้อนกลับไปหาคริปโตเคอเรนซี่ตัวพ่ออย่างบิทคอยน์
รายงานข่าวจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ ระบุว่า ตามที่มีข่าวปรากฎในสื่อออนไลน์ ซึ่งเป็นกระบวนการหลอกลวงผ่านแพลตฟอร์มการลงทุน Cryptocurrency ที่ชื่อว่า Bitcoin Loophole โดยแอบอ้างชื่อนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์
ปัจจุบันมีการใช้งานบิทคอยน์จากกระเป๋าสตางค์ (Wallet) ต่าง ๆ ถึง 1 ล้านใบต่อวัน โดยจะนับจากที่อยู่กระเป๋าสตางค์ (Address) ที่มีการส่งบิทคอยน์ออกหรือรับเข้าสำเร็จเท่านั้น
บิทคอยน์ได้ปรับตัวลดลงมาหลังจากขึ้นไปทดสอบระดับ 11,900 ดอลลาร์เมื่อวานนี้มาสู่ระดับ 11,200 ดอลลาร์ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯและทองคำที่ปรับตัวลดลงจากตัวเลขคนตกงานที่ยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร
ตลาดคริปโตเคอเรนซี่ถือเป็นหนึ่งในตลาดการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนได้ดีที่สุดในปี 2020 นี้ โดยนับตั้งแต่ต้นปี มูลค่าตลาดเงินดิจิทัลเติบโตขึ้นถึง 80% โดยพี่ใหญ่อย่างบิทคอยน์โตขึ้น 65%
Coin Metrics เว็บไซต์วิจัยตลาดคริปโตระบุว่า นักลงทุนที่ซื้อบิทคอยน์ด้วยวิธี Dollar Cost Average (DCA) หรือการซื้อเฉลี่ยราคาอย่างต่อเนื่องยังคงมีกำไรแม้ว่าจะเข้าซื้อครั้งแรกในราคาสูงสุดที่ 20,000 ดอลลาร์ก็ตาม
Mati Greenspan นักวิเคราะห์ตลาดคริปโต ได้เปิดเผยผลวิจัยว่าความสัมพันธ์ (Correlation) ระหว่างเงินคริปโตเคอเรนซี่กับดัชนี S&P 500 นั้นได้ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กแนะ ราคาบิทคอยน์ในตลาดปัจจุบันมีเสถียรภาพที่ 6 เท่าของราคาทองคำ กระนั้น มูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าวก็ยังถือว่าต่ำกว่ามูลค่าแท้จริง
Bloomberg เผย การปรับตัวขึ้นของ Ethereum นั้นมาจากการ“เก็งกำไร”เสียเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะการโหมกระแสของ DeFi ขณะที่การขึ้นของ Bitcoin นั้นมาจากปัจจัยพื้นฐาน