- Circle มุ่งหน้าจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหวังระดมทุน 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐผ่านSPAC
- เหรียญดิจิทัลดังกล่าวจะถูกทดสอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากธนาคารกลางมีการออกเหรียญของตัวเอง กระนั้น โอกาสที่เหรียญดิจิทัลที่ออกโดยเอกชนตัวนี้จะอยู่รอดได้นั้นอยู่ในระดับสูง
สกุลเงินดอลลาร์แต่ใช้ชื่ออื่นเรียกขานจะเรียกคำสั่งซื้อได้มากขนาดไหนกัน?
มีเงินสกุลดอลลาร์แล้วก็ขยับเป็นเงินสกุลดอลลาร์ดิจิทัลและเท่าที่สกุลเงินดังกล่าวไปได้ไกลที่สุดขณะนี้คือ ดอลลาร์ดิจิทัลที่ใช้ Tether ซึ่งเป็นเหรียญ stablecoin ที่หนุนด้วยเงินดอลลาร์ที่ยังมีประเด็นโต้เถียงกันนั้น และอยู่เหนือ Stablecoin อื่น ๆ ในแนวระนาบของสกุลเงินดิจิทัล
ทั้งนี้ ด้วยมูลค่าตามราคาตลาดประมาณ 62,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ Tether ได้เติบโตอย่างเงียบ ๆ จนกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ใหญ่ที่สุดในตลาดกระดาษเชิงพาณิชย์ของสหรัฐฯ และเป็นเหรียญดิจิทัลที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและมีการควบคุมดูแลที่เบาบางที่สุด
ดังนั้นเมื่อ Circle ผู้ออก USDC Stablecoin เข้ามาต่อสู้ จึงเป็นการเสนอโอกาสพิเศษที่จะไปสู่เส้นทางที่ต่างออกไปเมื่อเป็นดอลลาร์ดิจิทัล
โดยตั้งแต่เริ่มต้น Circle ยังคงรักษาระดับความโปร่งใสที่สูงกว่ามาก ด้วยบัญชีที่ตรวจสอบแล้วเป็นดอลลาร์จริง (ไม่ว่าจะหมายความว่าอย่างไร) ที่ฝากไว้ที่ธนาคารและสถาบันการเงินอื่น ๆ แต่การเข้าซื้อกิจการในชุมชนคริปโตเคอเรนซีนั้นค่อนข้างช้าในตอนแรก
เนื่องจากพื้นที่คริปโตเคอเรนซี (cryptocurrency) ได้รับความสนใจจากสถาบันและหน่วยงานกำกับดูแลกำลังวนเวียนอยู่รอบ ๆ บริษัทคริปโตเคอเรนซี่ ความคิดริเริ่มของ Circle ที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบดูเหมือนจะมีเหตุผล แม้ว่า USDC จะมาเป็นอันดับสองสำหรับปัญหา stablecoin ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดเพียง 26,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง สำหรับ Tether
แถลงการณ์ของ Jeremy Allaire ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ Circle ระบุว่า ทางบริษัทได้เตรียมหาแนวทางเพิ่มความโปร่งใสด้วยการจดทะเบียน มูลค่า 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
“ด้วยธุรกรรมเชิงกลยุทธ์นี้และการเปิดตัวสู่สาธารณะในขั้นสุดท้าย เรากำลังก้าวไปข้างหน้าที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยเงินทุนและความสัมพันธ์ที่จำเป็นในการสร้างบริษัทที่ให้บริการทางการเงินทางอินเทอร์เน็ตระดับโลก ที่สามารถช่วยให้ธุรกิจทุกแห่งสามารถเชื่อมต่อสู่การเปิดกว้าง ครอบคลุม และมีระบบเศรษฐกิจโลกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ”
ขณะเดียวกัน Allaire ก็เปิดเผยผ่านสถานีโทรทัศนบลูมเบิรก์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า
“เราเห็นโอกาสมหาศาลในการระดมทุน แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือการสร้างบริษัทมหาชนที่มีความสำคัญด้วยความโปร่งใสและการมองเห็นต่อองค์กรและสถาบันต่างๆ ที่กำลังสร้างขึ้นบนตัวเรา”
ไม่นานหลังจากที่กฎระเบียบควบคุมบิทคอยน์ถูกเขียนขึ้น ก็มีความจำเป็นที่ชัดเจนว่าเหรียญ stablecoin จะสร้างสมดุลให้กับความผันผวนโดยธรรมชาติในสกุลเงินดิจิทัล
ทั้งนี้ บรรดาเทรดเดอร์ที่ต้องการลงทุนในระบบนิเวศของสกุลเงินดิจิทัลแต่ไม่ต้องการรับตำแหน่งในระหว่างนี้ เห็นคุณค่าใน Tether ซึ่งเปิดตัวในปี 2014 เนื่องจากอยู่ครึ่งทางจากการถอนเงินออกจาก cryptocurrencies ทั้งหมดหรือกล้าเผชิญกับความผันผวน
ต่อมา Circle เปิดตัว USDC เป็นทางเลือก “ตามระเบียบ” แทน Tether ในเวลาสี่ปีต่อมาในปี 2018
แต่ไม่ว่าใครจะจินตนาการอย่างไร USDC ก็ยังไม่ใช้สิ่งถูกกฎหมายแต่อย่างใด
กระนั้น แนวคิดของสกุลเงินส่วนตัวไม่ใช่เรื่องใหม่ และในระหว่างการปฏิวัติอุตสาหกรรม เมืองเหมืองแร่ที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจรูปแบบอื่น ๆ จะออกหุ้นของบริษัทเป็นรูปแบบของสกุลเงินส่วนตัวที่ออก ให้กับลูกจ้างโดยนายจ้างของตน
บทสคริปต์ของบริษัทนั้นสามารถแลกเปลี่ยนในร้านค้าของบริษัทที่นายจ้างเป็นเจ้าของได้เช่นกัน โดยเป็นสกุลเงินส่วนตัวสำหรับระบบเศรษฐกิจที่มีการแปลเป็นท้องถิ่นในระดับสูง
รายงานระบุว่า ลักษณสกุลเงินข้างต้นมีการใช้ตั้งแต่ช่วงกลางปี 1800 ในสหรัฐอเมริกา สกุลเงินส่วนตัวยังคงพบได้ไม่เฉพาะในอเมริกาเหนือเท่านั้น แต่ยังพบอัตราการหมุนเวียนได้ทั่วโลกในหลายรัฐและหลายอัตราการหมุนเวียน
และในฐานะผู้ให้บริการชำระเงินสำหรับธุรกิจอินเทอร์เน็ต ทาง Circle มีโอกาสพิเศษในการออกสกุลเงินส่วนตัว USDC ซึ่งแก้ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสองประการเมื่อพูดมีการพูดถึงประเด็น USDC คือ สภาพคล่องและความสามารถในการแปลงได้
ขณะเดียวกัน เมื่อ Bloomberg Television ถามว่าสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางอาจเป็นภัยคุกคามต่อ Stablecoin เช่น USDC หรือไม่ Allaire ที่ถูกเพิกเฉย
“ผมไม่คิดว่ากลยุทธ์สำหรับสหรัฐฯ คือพยายามจะออกจากจีน และจีน”
ทั้งนี้ ทาง Circle จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นและเปิดให้สาธารณะเข้ามาซื้อขายผ่าน Acquisition Corp.