Ray Dalio ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Bridgewater และยังเป็นผู้เขียนหนังสือดังอย่าง Principle ที่กล่าวถึงหลักการสร้างความสำเร็จส่วนตัวที่มาจากการคิดแบบ Systematic
Ray Dalio ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg เร็วๆนี้ว่าตลาดการเงินของโลกจะไม่มีความเป็นเสรีอีกต่อไปหรือ “No Longer Free Market” เป็นเพราะธนาคารกลางเข้ามามีบทบาทในตลาดมากเกินไป เช่น ซื้อสินทรัพย์ อัดฉีดสภาพคล่อง รวมถึงนโยบายผ่อนปรนต่างๆ
เท่ากับว่าธนาคารกลางยักษ์ใหญ่ของโลกได้กลายเป็นผู้กำหนดทิศทางของตลาดการเงินโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ธนาคารกลางยักษ์ใหญ่ของโลกโดยเฉพาะ FED ได้สร้างภาระหนี้อันมหาศาลให้เกิดขึ้นบนโลกนี้จากการอัดฉีดเงินเข้ามาซื้อสินทรัพย์ตัวเองทั้งในตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้น งบดุลของรัฐบาลสหรัฐฯถีบตัวขึ้นแตะ 7 ล้านล้านดอลลาร์
หลังจบวิกฤตโควิด เงินก้อนนี้ (ที่จริงควรจะเรียกว่าหนี้ก้อนนี้) จะเป็นภาระที่ไม่รู้ว่าจะทำให้ออกไปจากระบบการเงินโลกได้อย่างไร เพระาหากเศรษฐกิจไม่ฟื้นตัวจริง หนี้ก้อนนี้ก็จะต้องถูก Roll Over ต่อไปอีกเรื่อยๆ
ชีวิตนี้เราจึงไม่สามารถหลีกหนีความตายภาษีและหนี้ก้อนมหาศาลนี้ไปได้
เขายังได้กล่าวอีกว่าค่าเงินดอลลาร์ยังมีแนวโน้มที่จะด้อยค่าลงจากเม็ดเงินที่ถูกพิมพ์ออกมา แม้ในระยะสั้นเงินดอลลาร์ยังมีความต้องการใช้ในระบบเศรษฐกิจ แต่เมื่อใดที่ความต้องการเงินดอลลาร์ลดลงขณะทีซัพพลายในตลาดมีมากเกินไป ถึงเวลานั้นดอลลาร์จะถูกลดความสำคัญลง
เมื่อถึงเวลานั้นสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างบิทคอยน์จะเข้ามามีความสำคัญด้วยคุณสมบัติที่ไม่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลใด ๆ ผู้ถือบิทคอยน์ไม่ต้องมีส่วนร่วมในการแบกหนี้สินจำนวนมหาศาลที่เกิดขึ้น
คำถามคือถ้าหากว่ามีเงินบางส่วนจากหนี้ก้อนนี้เข้ามาในบิทคอยน์จะทำให้ความเป็นเสรีของบิทคอยน์ลดลงจากการที่มีผู้กุมซัพพลายส่วนใหญ่เอาไว้หรือไม่??
คำตอบคือหากมีเม็ดเงินจาก Traditional Market เข้ามามากเท่าไรยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าบิทคอยน์และบล็อกเชนเป็นตลาดเสรีมากขึ้นเท่านั้นและจะทำให้บิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ (Mature) มากขึ้น
มูลค่าตลาดที่ใหญ่ขึ้น จำนวนผู้เล่นที่มากขึ้น ยิ่งทำให้บิทคอยน์เข้าใกล้สู่ความเป็นสกุลเงินใหม่ของโลกได้มากขึ้นอีกด้วย
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : Ray Dalio มองเงินดอลลาร์จะถูกลดความสำคัญลงในที่สุดได้เวลาของบิทคอยน์??
วิเคราะห์ทางเทคนิคบิทคอยน์ (BTC)
Bollinger Band ยังเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการกำหนดแนวรับแนวต้านในการซื้อขายตอนนี้ที่เคลื่อนไหวแบบไม่มีทิศทาง ขณะเดียวกันยังใช้เส้น EMA89 (เส้นสีน้ำเงิน) ในการเป็นแนวรับสำคัญในการเข้าซื้อ
กรอบการเคลื่อนไหวของบิทคอยน์ยังเป็นไซด์เวย์ แนวรับสำคัญคือ 8,500 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านสำคัญคือ 10,500 ดอลลาร์ หากซื้อขายตามกรอบราคาดังกล่าวพอที่จะคาดหวังการทำกำไรระดับ 20% ได้
วิเคราะห์ทางเทคนิค Ethereum (ETH)
ETH เคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์เช่นเดียวกับ BTC สามารถใช้ Bolinger Band ในการกำหนดแนวรับแนวต้านในการซื้อขายได้ รวมถึงเส้น EMA89 ที่ใช้เป็นแนวรับสำคัญ
แนวต้านใหญ่ที่ต้องผ่านไปให้ได้คือระดับ 250 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับสำคัญอยู่ที่ 220 ดอลลาร์ หากซื้อขายภายในกรอบราคาดังกล่าวจะคาดหวังการทำกำไรได้ในระดับ 16%
ขณะที่ดัชนี SCN30 Index สัปดาห์ที่ผ่านมาขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 150.33 จุดก่อนจะลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 147.29 จุด แนวดน้มใหญ่ยังคงเคลื่อนไหวเป็นไซด์เวย์เช่นเดียวกับภาพรวมตลาดคริปโตส่วนใหญ่ กรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 130-160 จุด
บทความที่เกี่ยวข้อง : ลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลแบบ DCA อย่างไรให้มีกำไรในระยะยาว