ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวใหญ่ที่ส่งผลกระทบในวงกว้างคงหนีไปไม่พ้นเรื่องของไข้หวัดไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ใหม่ (2019 n-CoV) ที่เริ่มมาจากมณฑลอู๋ฮั่นของจีนจะแผ่ขยายเป็นวงกว้างไปในหลายประเทศ ราคาของบิทคอยน์ได้ปรับตัวสูงขึ้นพร้อมๆกับตัวเลขของผู้ป่วยที่มากขึ้นทุกวันไปแตะจุดสูงสุดของปีที่ $9,570 ตามราคาของเว็บเทรด Bitstamp เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา
การปรับตัวสูงขึ้นของบิทคอยน์นั้นน่าจะมีสาเหตุหลักๆคือ – บิทคอยน์ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นเดียวกับทองโดยนักลงทุนบางส่วน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่อะไรหลายๆอย่างดูจะไม่มั่นคงอย่างเช่นการแพร่ระบาดของโรคติดต่อระดับโลกหรือภัยสงคราม
ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตที่สูงขึ้น นักลงทุนบางส่วนเริ่มสงสัยในความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูลของรัฐบาลจีน รวมไปถึงความสามารถในการรับมือของรัฐบาลที่ต้องรอคำสั่งการจากศูนย์กลาง ในขณะที่วิกฤตที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นพร้อมกันเป็นวงกว้างทั่วทั้งประเทศ
Image Source: FB: Sittiphol Phanvilai
ยังนับเป็นเรื่องดีที่อัตราการเสียชีวิตยังถือว่าไม่สูงนักเมื่อเทียบกับการระบาดครั้งก่อนอย่างโรค SARS ในปี 2003 (ซึ่งถือเป็นไวรัสโคโรน่าสายพันธ์หนึ่งเช่นกัน) โดยการรายงานผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตน่าจะสามารถทำการคาดเดาได้ง่ายขึ้นในสัปดาห์ถัดๆไปเนื่องจากมีข้อมูลของโรคที่มากขึ้นส่งผลให้ความกังวลลดลง หากเหตุการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว ราคาของบิทคอยน์น่าจะคงตัวอยู่ในกรอบแคบๆที่ระดับ $9,200 – $9,500
แต่หากไวรัสเกิดการกลายพันธ์และก่อให้เกิดความวิตกในวงกว้างอีกครั้ง เราอาจได้เห็นราคาของบิทคอยน์พุ่งทะลุ $9,500 และขึ้นไปทดสอบแนวต้านทางจิตวิทยาที่ $10,000
ขณะเดียวกัน เหรียญคริปโตฯและโทเค็นอื่นๆได้รับแรงฉุดจากบิทคอยน์ส่งผลให้ราคาเป็นสีเขียวทั่วทั้งตลาด โดยเฉพาะ Ethereum และ ฺBitcoin Cash ที่มีการปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดของบิทคอยน์ (Bitcoin Dominance) ปรับตัวลดลงเล็กน้อย ส่วน Bitcoin SV ยังคงขยับตัวขึ้นลงอยู่ในกรอบแคบๆระหว่าง $260 – $300 โดยไม่มีทีท่าจะทะลุขึ้นเหนือแนวต้าน $300 ได้ในเร็วๆนี้แต่อย่างใด
สรุปแล้วเหรียญส่วนใหญ่ในตลาดปรับตัวสูงขึ้น โดยมีบางเหรียญเช่น IOTA และ Tezos ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุ่นแรงถึง 20% และ 10% ตามลำดับ ชี้ให้เห็นถึง demand ที่ซ่อนอยู่สำหรับเหรียญเล็กที่มีการพัฒนาโปรเจกต์อย่างต่อเนื่อง
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: Halving แล้วราคาบิทคอยน์จะพุ่งขึ้นจริงหรือ??