หลังจากทาง PayPal ได้ประกาศรองรับเงินคริปโตเคอเรนซี่ 4 สกุลไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาและได้เปิดให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯใช้งานไปแล้วเมื่อวานนี้ก็ส่งผลให้ราคาของ Bitcoin กลับมาคึกคักและปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปได้สวย จนกระทั่ง PayPal เผยคำอธิบายเงินคริปโตเคอเรนซี่ทั้ง 4 สกุล ได้แก่ Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), Bitcoin Cash (BCH) และ Litecoin (LTC) ให้แก่ผู้ใช้ PayPal ได้ทราบกันว่ามันคืออะไรและแตกต่างกันอย่างไร
คำอธิบายสกุลเงินคริปโตเคอเรนซี่ต่าง ๆ ที่ PayPal จัดทำมานั้นดูเหมือนจะไม่ถูกใจชุมชนชาวคริปโตเสียเท่าไหร่ โดยหลายคนชี้ว่ามันเป็นคำอธิบายที่แย่มากแถมยังผิดอีกต่างหาก เรามาดูกันว่า PayPal อธิบายเงินแต่ละสกุลไว้ว่าอย่างไรจึงทำให้ชุมชนคริปโตโมโหได้ขนาดนี้
Bitcoin (BTC)
Bitcoin (BTC) เป็นนวัตกรรมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อที่วันหนึ่งจะสามารถมาแทนที่เงินสดและบัตรเครดิต มันเป็นตัวจุดประกายให้เกิดกระแสคริปโตเคอเรนซี่ขึ้นจนทำให้มีเงินคริปโตสกุลอื่น ๆ กำเนิดขึ้นมาเป็นพันชนิด ในอีกไม่นานคุณอาจจะสามารถใช้ Bitcoin และเงินคริปโตเคอเรนซี่อื่น ๆ เพื่อซื้อสินค้าได้เกือบทุกชนิดบนโลกและส่งมันไปหาคนอื่น ๆ ได้
Ethereum (ETH)
Ethereum (ETH) นั้นเป็นการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ใช้ในการทำธุรกรรมของเงินคริปโตมาประยุกต์ใช้ให้ต่างออกไป โดยบล็อกเชนของ Ethereum นั้นสามารถนำมาใช้สร้างแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ได้ แอปพลิเคชั่นในที่นี้ไม่ได้หมายความถึงแอปฯอย่าง Tik Tok หรือ Instagram หรอกนะ แต่มันเป็นการสร้างแอปพลิเคชั่นที่สร้างขึ้นมาสำหรับเงินคริปโตสกุลต่าง ๆ และข้อมูลดิจิทัลต่างหาก
Bitcoin Cash (BCH)
Bitcoin Cash (BCH) คืออีกเวอร์ชั่นหนึ่งของ Bitcoin (BTC) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการทำธุรกรรมขนาดเล็กที่มีมูลค่าไม่มากนัก เพื่อตอบสนองจุดมุ่งหมายของเงินคริปโตในการมาแทนที่สกุลเงินปรกติ Bitcoin Cash ต้องการให้การนำเงินคริปโตไปใช้ซื้อของเล็ก ๆ อย่างเช่นอาหารและของใช้ในบ้านนั้นเป็นไปได้
Litecoin (LTC)
Litecoin (LTC) เป็นหนึ่งใน “Altcoins” รุ่นแรก ๆ หรือเป็นเหรียญทางเลือกที่ไม่ใช่ Bitcoin นั่นเอง โดยได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องยาวนานเพราะ Litecoin มีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่าและใช้เวลาการประมวลผลน้อยกว่า Bitcoin ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการนำไปใช้จ่ายจริงในชีวิตประจำวันเทียบเท่าเงินสกุลปรกติ
อย่างไรก็ตาม มีบางคนออกมาแสดงความเห็นว่า การใช้คำอธิบายง่าย ๆ เช่นนี้มันก็เหมาะสมแล้วสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้มีความเข้าใจในเทคโนโลยีมากนัก และบางท่านก็ชี้ว่า พวกคุณแค่ไม่พอใจที่ PayPal ไม่ได้อธิบายว่า Bitcoin นั้นจะเป็นผู้กอบกู้โลกเหมือนอย่างที่คุณหวังทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วมันก็แค่เงินสกุลหนึ่งบนอินเตอร์เน็ตเท่านั้น
แต่เราลองไปดูอีกตัวอย่างหนึ่งที่ Square เจ้าของแอปพลิเคชั่น CashApp ใช้อธิบาย Bitcoin กันดีกว่าว่ามันแตกต่างและดีกว่ากันหรือไม่
“Bitcoin is the first and most well-known example of a new kind of money called a ‘cryptocurrency.’ It creates, holds, and transfers value using cryptographic equations and codes to ensure that transactions can only be completed once. One of Bitcoin’s most important characteristics is that it is decentralized using peer-to-peer technology—meaning no single institution can control the Bitcoin network.”
“Bitcoin เป็นต้นกำเนิดของเงินชนิดใหม่ที่เรียกว่า ‘คริปโตเคอเรนซี่’ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางที่สุด มันสามารถสร้าง เก็บรักษา และส่งต่อมูลค่าได้ผ่านสมการและโค้ดที่เข้ารหัสแล้ว จึงมั่นใจได้ว่าการทำธุรกรรมแต่ละครั้งนั้นเกิดขึ้นจริงและไม่สามารถทำซ้ำได้ โดยคุณสมบัติหนึ่งที่สำคัญของ Bitcoin ก็คือ มันมีความกระจายศูนย์ (Decentralized) ซึ่งหมายความว่าไม่มีบุคคลหรือองค์กรใดสามารถเข้ามาควบคุมระบบของ Bitcoin ได้”
เพื่อน ๆ ผู้อ่านมีความคิดเห็นว่าอย่างไรกันบ้าง คำอธิบายของ PayPal นั้นง่ายและกว้างเกินไปไหม หรือคำอธิบายของ Square นั้นเจาะจงและถูกต้องมากกว่า? แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ การนำคริปโตเคอเรนซี่ออกไปใช้คนทั่วไปได้สัมผัสนั้นถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการยอมรับใช้ในวงกว้าง
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: PayPal เปิดให้ลูกค้าในสหรัฐฯเทรดคริปโตเคอเรนซี่อย่างเป็นทางการแล้ว