นาย Hiromi Yamaoka อดีตผู้บริหารของธนาคารกลางญี่ปุ่น (Bank of Japan: BOJ) ได้ให้ความเห็นว่า โปรเจค Libra ของบริษัท Facebook นั้นคือความท้าทายและเป็นตัวกระตุ้นให้เหล่าธนาคารกลางตระหนักถึงประโยชน์ของการออกสกุลเงินดิจิตอลของตัวเอง (CBDC) และแนะนำให้มีการจัดตั้งกลุ่มเพื่อทำการศึกษาถึงศักยภาพและความเป็นไปได้ในการออกสกุลเงินดิจิตอลที่ออกโดยธนาคารกลาง
ไม่นานหลังจากที่ Facebook ออกมาประกาศถึงความพยายามการทำเงินดิจิตอลของตัวเอง หรือที่รู้จักกันในนาม Libra เหล่าธนาคารกลางจากสหราชอาณาจักร ยุโรป ญี่ปุ่น แคนนาดา สวีเดน และสวิตเซอร์แลนด์ ก็ได้มีการประกาศแผนการประชุมเพื่อปรึกษาและแลกเปลื่ยนข้อมูลในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิตอล (Cryptocurrency) โดยมีทั้งประเด็นที่ศึกษาถึงความเป็นไปได้และประโยชน์ในการนำมาปรับใช้ รวมถึงกฎหมายข้องบังคับต่างๆที่จะใช้ควบคุมสกุลเงินดิจิตอล (Cryptocurrency) เช่น Libra และ Bitcoin
โดยนาย Hiromi Yamaoka ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า
“สกุลเงินดิจิตอลอย่าง Libra จะทำให้การทำธุรกรรมเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีต้นทุนที่ต่ำกว่าระบบเดิมมาก ธนาคารกลางทั่วทุกมุมโลกควรที่จะเห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังอย่างบล็อกเชน และควรนำไปปรับใช้ในการทำธุรกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการดำเนินงานของตัวธนาคารเอง”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของธนาคารญี่ปุ่น (Bank of Japan: BOJ) พยายามจะผลักดันเทคโนโลยีบล็อกเชนให้เข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมด้านการเงิน โดยเมื่อปี 2017 ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ร่วมมือกับธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank: ECB) เพื่อศึกษาถึงความเป็นไปได้และประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนนี้ แต่โครงการดังกล่าวก็ถูกยกเลิกไปเนื่องจาก ณ เวลานั้นปัจจัยต่างๆรวมถึงสภาพแวดล้อมทางสังคมยังไม่เอื้ออำนวยเหมือนอย่างในปัจจุบัน
ต่อมาในปี 2019 ธนาคารกลางญี่ปุ่นยังออกมาเตือนถึงผลกระทบจากสกุลเงินดิจิตอล Libra และพยายามเน้นย้ำให้นานาชาติร่วมมือกันเพื่อร่วมกันตั้งกฎระเบียบในการปฏิบัติต่อเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังจะเข้ามามีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมการเงินในอนาคตอีกด้วย
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: รัฐบาลสิงคโปร์ผนึกกำลังหอการค้านานาชาติและบริษัทยักษ์ใหญ่จัดตั้งกลุ่มพันธมิตร ส่งเสริมการทำธุรกรรมด้วยบล็อกเชน
