เชื่อว่าทุกคนที่เทรดเงินดิจิตอลหรือ บิทคอยน์ คงจะเฝ้ารอเดือนพฤษภาคม ปี 2020 ที่กำลังจะมาถึงเพราะจะเป็นการครบรอบที่บิทคอยน์จะเกิดการ Halving ส่งผลทางเทคนิคให้รางวัลที่ได้จากการค้นพบบล็อกใหม่ (Block Reward) ลดลงจาก 12.5 BTC เหลือ 6.25 BTC หรือลดลงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
หากอธิบายทางหลักเศรษฐศาสตร์ การที่ Supply น้อยลง แต่ Demand เท่าเดิม จะทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น ยกตัวอย่างกรณีที่สหรัฐฯและอิหร่านมีความขัดแย้งกัน ราคาน้ำมันได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากกังวลว่าสงครามอาจทำให้กำลังผลิตและการขนส่งน้ำมันลดลง แม้ว่าความต้องการน้ำมันจะยังคงอยู่ในระดับเดิมก็ตาม
นักเทรดบิทคอยน์จึงคาดหวังว่าหลังการ Halving ราคา บิทคอยน์ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างเช่นทุกครั้ง แต่ทั้งนี้ก่อนการ Halving ครั้งล่าสุดที่เกิดในปี 2016 ราคาบิทคอยน์ลดลงจาก 663 เหรียญมาอยู่ที่ 456 เหรียญ หรือลดลงกว่า 29% อาจจะเป็นไปได้ว่านักขุดอาจจะรีบเทขายก่อนที่จะได้รางวัลน้อยลง
ปริมาณการซื้อขายบิทคอยน์จะเติบโตขึ้นต่อเนื่องแม้ราคาจะเป็นขาลงมากว่าสองปี แต่การที่จะคาดหวังให้ราคาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงจากการที่ Supply ลดลงเพียงอย่างเดียวนั้นอาจจะไม่เพียงพอ สิ่งสำคัญคือบิทคอยน์จะต้องได้รับการยอมรับในวงกว้างมากกว่านี้หรือเท่ากับมี Demand ที่เพิ่มขึ้น จึงจะทำให้เกิดขาขึ้นที่มีความสมบูรณ์แบบและยั่งยืน
8,000 เหรียญคือแนวรับที่มีความสำคัญของบิทคอยน์
ในเชิงวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้ว บิทคอยน์ ไม่ควรจะหลุดต่ำกว่าระดับแนวรับ 8,000 เหรียญ เพราะนั่นจะหมายความว่าการพยายามปรับตัวขึ้นครั้งล่าสุดจะหมดความหมายทันที เนื่องจากไม่สามารถทำ Higher High ใหม่ได้
ภาพรวมระยะกลางของบิทคอยน์ตอนนี้เป็นไซด์เวย์ แต่ถ้าจะเป็นขาขึ้นได้จริงๆจะต้องทะลุเกิน 9,000 เหรียญไปให้ได้ เพราะนั่นคือสัญญาณว่าไม่สร้างจุดต่ำสุดใหม่ (New Low) อีกแล้ว จากภาพวงกลมสีขาวคือจุดสูงสุดเดิมที่บิทคอยน์ต้องผ่านไปให้ได้ทีละขั้นถึงจะเรียกได้ว่าฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์
กรอบการลงทุนในสัปดาห์นี้ของบิทคอยน์จึงเท่ากับ 8,000-9,000 เหรียญ หากหลุด 8,000 เหรีญ ให้เปิด Short Futures มีเป้าหมายที่ 7,415 เหรียญ ขณะที่แนวรับสำคัญที่สุดยังอยู่ที่ 6,500 เหรียญ
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : Bitcoin Halving คืออะไร? เมื่อบิทคอยน์โดนหั่นครึ่ง