นอกจาก Bitcoin ที่เป็นราชาแห่ง Crypto Currency แล้ว ถ้าจะหาเหรียญพระรองก็น่าจะต้องเป็น Ethereum (ETH) อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่มากเป็นอันดับสองของโลกรวมถึงรูปแบบการใช้งานที่ค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะผู้ที่ระดมทุนด้วยวิธีการ ICO ต่างต้องรู้จักแน่นนอน
รูปแบบการใช้งาน Ethereum ถูกนำไปใช้สร้างสัญญาอัจฉริยะหรือ Smart Contract พูดให้ง่ายๆคือเป็นโค้ดภาษาคอมพิวเตอร์ที่ผู้ใช้งานสามารถนำไปใช้ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวกลาง (Decentralized) อย่างเช่น ปัจจุบันเรามีผู้ให้บริการเอกสารออนไลน์อย่าง Google doc ที่เชื่อมโยงผู้ใช้งานเข้าด้วยกัน หากคนใดคนหนึ่งเข้าไปปรับเปลี่ยนแก้ไขเอกสารในระบบ ทุกคนจะสามารถเข้าถึง รับรู้และเข้าไปแก้ไขได้ ซึ่ง Smart Contract จะเข้ามา Disrupt การทำธุรกิจดั้งเดิมที่จะต้องพึ่งพา Server กลางที่มีผู้ควบคุมดูแล
อีกหนึ่งตัวอย่างของการใช้ Smart Contract นั่นคืองานเอกสารการโอนสิทธิต่างๆ เช่น การโอนที่ดินหรือโอนหุ้น ที่เดิมจะต้องมีหน่วยงานกลางเป็นผู้จัดการดูแล โดยรับเอกสารมาตรวจสอบและส่งมอบ แต่การทำงานแบบไร้คนกลางหรือ Decentralized จะตัดการทำงานของคนกลางออกไป เหลือแต่ผู้ทำธุรกรรมสองคนจะทำการตรวจสอบกันเอง
Ethereum จึงเป็นโค้ดที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและนำไปใช้สร้าง Smart Contract ของตัวเองได้ จึงมักนำมาใ้ช้อ้างอิงกับเหรียญใหม่ๆที่เกิดจากการทำ ICO ซึ่งส่วนมากจะเป็น Utility Token กล่าวได้ว่าการเติบโตของ Ethereum จึงมาพร้อมกับการเติบโตของการระดมทุนแบบ ICO นั่นเอง
ผู้ที่ให้กำเนิด Ethereum ก็คือ Vitalik Buterin โปรแกรมเมอร์ชาวรัสเซีย ถือเป็นบุคคลสำคัญในวงการ Crypto Currency ของโลก
Ethereum ได้ถูกใช้งานมาระยะเวลาหนึ่ง เรียกได้ว่าการทำ ICO เกือบทั้งหมดบนโลกนี้เกิดบนแพลตฟอร์ม Ethereum ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม Ethereum กำลังถูกท้าทายจากเหรียญสกุลใหม่ๆที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันนั่นคือ NEO จากประเทศจีนและ Stellar ที่มีฐานผู้ใช้ในประเทศเกาหลีใต้