ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา Bitcoin กลับมาคึกคักหลังการพุ่งขึ้นของราคามาแตะที่ระดับ 13,000 ดอลลาร์ แต่ตลาด Altcoin โดยเฉพาะผู้นำอย่าง Ethereum ยังดูเงียบเหงาอยู่ แม้จะเป็นหนึ่งในรายชื่อของเหรียญที่ทาง PayPal ประกาศรองรับด้วยเช่นกัน
แม้ในปีนี้ Ethereum เหรียญคริปโตเคอเรนซี่ที่มูลค่าตลาดมากเป็นอันดับสองรองเพียง Bitcoin จะทำผลงานได้เป็นอย่างดี จากทั้งกระแสของ DeFi และการมาของ ETH 2.0 แต่ในช่วงปลายปีนี้ดูเหมือนจะแผ่วลงไปไม่น้อย
อ่านเพิ่มเติม: ทำความรู้จัก “Ethereum” ระบบอินเตอร์เน็ตแห่งโลกอนาคต
การอัพเกรด ETH 2.0 ที่จะช่วยเข้ามาแก้ปัญหาความแออัดของเน็ตเวิร์กที่ส่งผลให้การทำธุรกรรมล่าช้า ค่าธรรมเนียมที่แพงเกินกว่าจะนำมาใช้งานในระดับโลกได้จริง แต่เมื่อเรามองปัญหาให้รอบด้านแล้ว ดูเหมือนการเปลี่ยนเป็นระบบ Proof-of-Stake ก็ยังไม่อาจแก้ปัญหาได้ครบทุกอย่าง
ตัว Ethereum นั้นมีปัญหาหลายอย่าง แม้มาร์เก็ตแคปของมันจะมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับเหรียญ Altcoins อื่น ๆ แต่การนำมาใช้งานจริง (Real-world Adoption) นั้นยังไม่มากเท่าที่ควรนัก ทำให้มีโปรเจกต์หน้าใหม่ที่ขึ้นมาท้าชิง ETH ในการเป็นระบบอินเตอร์เน็ตของโลกใหม่ออกมาอยู่เสมอ โดยโปรเจกต์อย่าง Chainlink (LINK) และ Polkadot (DOT) ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีไม่น้อย
อ่านเพิ่มเติม: Polkadot ดาวรุ่งหน้าใหม่ ทะยานขึ้นอับดับ 7 บนตารางมาร์เก็ตแคป
หากเป้าหมายของการสร้าง Ethereum คือการตัวเชื่อมต่อระหว่างระบบเดิมกับบล็อกเชน Chainlink ดูเหมือนจะทำหน้าที่นั้นได้ดีกว่าและรวดเร็วกว่า ยังไม่นับรวมถึง Polkadot ที่แม้จะเป็นน้องใหม่ แต่ก็มีผู้พัฒนาหลายคนเลือกใช้จากความคล่องตัวและระบบการทำงานแบบ Parachain ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
โดยในช่วง 7 วันที่ผ่านมา Ethereum นั้นมีการปรับตัวขึ้นของราคาประมาณ 8% ขณะที่ Chainlink เพิ่มขึ้นถึง 14.74% และ Polkadot เพิ่มขึ้น 8.33% แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเดียวกัน มีนักเทรด ETH บน BitMEX ถูก Buy Liquidation เป็นมูลค่า 7.6 แสนดอลลาร์ ขณะที่ Sell Liquidation อยู่ที่ 1.1 ล้านดอลลาร์ และอัตรา Open Interest ที่มากขึ้น จำนวนนักเทรดที่ถูก Liquidate ก็ย่อมเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
และเมื่อประกอบกับการอัพเกรด ETH 2.0 ที่ยังไม่มีไทม์ไลน์แน่ชัด โดยล่าสุดมีการประกาศว่าจะดีเลย์ Deposit Contract ออกไปเป็นเดือนพฤศจิกายน นักเทรดหลายคนอาจหันไปหาน้องใหม่ไฟแรงอย่าง Chainlink และ Polkadot ที่ดูเหมือนจะมีปัญหาด้าน Fundamental น้อยกว่ามากและยังให้ผลตอบแทนในระยะสั้นได้ดีกว่า แทนที่จะมาเสี่ยงกับราคาของ Ethereum ที่ผันผวนตามข่าวความคืบหน้าของ ETH 2.0 แต่เพียงอย่างเดียว
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: ธนาคารจะเดินหน้าตาม PayPal และเปิดรับ Bitcoin หรือไม่?