การอัพเกรด Ethereum 2.0 กำลังจะเปิดตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่ามันอาจเป็นตัวจุดประกายตลาดกระทิงครั้งใหม่และจุดเปลี่ยนของการเงินโลกได้เลยทีเดียว
นาย Adam Cochran หุ้นส่วนของ MeteCartel Ventures DAO ชี้ให้เห็นว่า การทำ Staking จะก่อให้เกิด Supply Shock หรือสภาวะเหรียญ ETH ขาดตลาด โดยเขาคาดว่า จะมีนักลงทุนรายใหญ่นำ ETH ถึงกว่า 30% จากทั้งหมดถูกนำไปล็อคไว้บนระบบเพื่อทำการ Staking และระบบการเผาเหรียญที่กำลังจะมาในอนาคตจะส่งผลให้ปริมาณซัพพลายของ ETH ยิ่งลดน้อยลงไปอีก
เขายังให้ความเห็นอีกว่า การ FOMO หรือ “กลัวตกรถ” ในครั้งนี้จะใหญ่กว่าเมื่อปี 2017 เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ได้พัฒนาไปอย่างมาก มือใหม่สามารถฝากเงินไปยัง Exchange ละซื้อคริปโตฯได้ง่ายกว่าที่เคย อีกทั้งยังมีตัวเลือกเว็บเทรดใหม่ ๆ มากมาย ไม่เหมือนกับในปี 2017 ที่ทั้ง Coinbase และ Binance ต่างต้องหยุดรับบัญชีใหม่จากปัญหาเซิฟเวอร์โอเวอร์โหลด
ฟังน้องตันหยงอธิบายเกี่ยวกับผลตอบแทนจาก Staking และ DeFi
นอกเหนือจากเรื่องราคาแล้ว ETH 2.0 ยังมีศักยภาพที่จะมาเปลี่ยนแปลงระบบการเงินของโลก โดยนาย Alex Batlin เจ้าของบริษัทรับฝากคริปโตฯ Trustology ได้ให้ความเห็นไว้ว่า ETH 2.0 ที่เปลี่ยนมาใช้ระบบ Proof-of-Stake จะช่วยให้เน็ตเวิร์ครองรับการทำธุรกรรมปริมาณมหาศาลเมื่อมีคนหลั่งไหลเข้ามาใช้ระบบการเงินแบบกระจายศูนย์หรือ DeFi เป็นจำนวนมากได้
โดย DeFi นี้ดูเหมือนจะเป็นวิธีใหม่ที่จะจัดการกับการเงินของเราโดยไม่ต้องพึ่งพาธนาคาร ทั้งยังมีความปลอดภัยสูงกว่าและมีต้นทุนในการปฏิบัติการที่ต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม แม้แผนการขั้นต้นในการอัพเกรดเป็น ETH 2.0 จะเริ่มขึ้นในปีนี้ แต่นาย Vitalik Buterin ได้วางแผนการอัพเกรดต่อเนื่องไปอีกนานหลายปีกว่า Ethereum จะเสร็จสมบูรณ์
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: eToro เผยผลสำรวจราคาเหรียญ XRP ขึ้นลงตามความสนใจบนโซเชียลมีเดีย