เมื่อคืนที่ผ่านมามีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯหรือ FED มีใจความสำคัญคือ FED ยังคงเดินหน้ารักษาอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำใกล้เคียง 0% ไว้อย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2022 โดยจะไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามจะยังไม่มีนโยบายทำให้ดอกเบี้ยติดลบ
สำนักข่าวต่างประเทศยังรายงานด้วยว่า FED ยังเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามนโยบายการทำคิวอีอย่างต่อเนื่องเดือนละ 80,000 ดอลลาร์และซื้อตราสาร Mortgage Back อีกเดือนละ 40,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้ล่าสุดงบดุลของ FED พุ่งทะลุ 7 ล้านล้านดอลลาร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเพิ่มขึ้นกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงที่เกิดวิกฤติโควิด
ดัชนี Dollar Index ซึ่งเปรียบเทียบค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯกับห้าสกุลเงินหลักของโลกอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องกว่า 6% หลังขึ้นไปแข็งค่าที่สุดที่ระดับ 103 จุด อ่อนค่าลงมาถึงระดับ 96 จุด ใกล้เคียงกับจุดต่ำสุดที่เกิดขึ้นในช่วงก่อน Black Thursday
สิ่งที่น่าสังเกตุคือ Dollar Index มีแนวโน้มอ่อนค่าลงอย่างชัดเจน ขณะที่บิทคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินทางเลือกที่ถูกคาดว่าจะสามารถเป็นสินทรัพย์ที่สามารถป้องกันเงินเฟ้อที่เกิดจากการพิมพ์เงินจำนวนมหาศาลของ FED มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่หลัง Black Thursday
แม้จะยังไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ระดับ 10,500 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมก่อนเกิดวิกฤติได้ แต่แนวโน้มระยะสั้นของบิทคอยน์ยังเป็นขาขึ้น โดยมีการยก Low ขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่ามีคนบางกลุ่มให้ความสนใจในบิทคอยน์เพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ราคาทองคำ หลังจากถูกเทขายในช่วง Black Thursday เช่นกัน แต่หลังจากนั้นได้มีการฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องและได้ผ่านจุดสูงสุดเดิมก่อนเกิดวิกฤติโควิดไปได้แล้ว แต่ตอนนี้ยังไปติดอยู่ที่แนวต้าน 1,750 ดอลลาร์
การอัดฉีดเงินอย่างไม่หยุดยั้งของ FED อาจทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นโดยเฉพาะ NASDAQ ตลาดของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่เกินระดับ 10,000 จุดได้สำเร็จ ส่วนดัชนี S&P500 ใกล้ที่จะมีผลตอบแทนเป็นบวกแล้ว
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์และภาระหนี้สินมหาศาลที่เกิดขึ้นจากการพิมพ์เงิน แม้จะยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าดอลลาร์จะด้อยค่าลงในที่สุด แต่อย่างน้อยบิทคอยน์ก็สามารถเป็นการลงทุนทางเลือกในสภาวะที่เงินล้นโลกอยู่ในขณะนี้
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : วิเคราะห์ Altcoin กราฟสวยขาขึ้นน่าลงทุน ETH,ADA,XLM,LINK