ดร.รัฐศาสตร์ กรสูต รองผู้อำนวยการสำนักงาน กลุ่มสังคมและกำลังคนดิจิทัล สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Depa) กล่าวในงาน Blockchain Thailand Genesis 2019 ว่า ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา เทคโนโลยีบล็อกเชนถูกนำมาใช้ในการสร้างสัญญาอัจฉริยะหรือ Smart Contact แล้ว และมีการเติบโตต่อเนื่อง สองปีต่อมายังอยู่ในช่วงลองผิดลองถูก
หลังจากที่เกิดเงินดิจิตอลอย่าง Ethereum ทำให้มีความมั่นใจในการนำบล็อกเชนไปใช้ในภาคเศรษฐกิจจริงมากขึ้น เราเริ่มเห็นแล้วว่าผู้คนมองเห็นว่าบล็อกเชนถูกนำไปใช้ทำอะไรได้มากกว่าการสร้างเงินดิจิตอล เริ่มนำไปใช้ในแอพลิเคชั่นการทำสัญญาระหว่างหลายปาร์ตี้
อีกไม่เกิน 5-6 ปีข้างหน้า เราจะได้เห็นบล็อกเชนโตเต็มวัย จะเห็นแอพลิเคชั่นต่างๆใช้บล็อกเชนจำนวนมากทั่วโลก ผู้ใช้งานก็จะเพิ่มขึ้น ข้อมูลจาก Google Search ระบุว่า ผู้คนค้นหาคำว่า บล็อกเชน มากกว่าคำว่า 3D Printing ,AI,VR เป็นเท่าตัว เห้นได้ว่าทั้งผู้พัฒนาและผู้ใช้งานตื่นตัวอย่างมาก
วันนี้ บล็อกเชน กำลังจะเข้าสู่ยุค 3.0 จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานให้หลายๆคนเข้ามาใช้งานร่วมกัน การทำงานในเครือข่ายดิจิทัลจะเปิดกว้างมากขึ้นภายใต้ภาษาเดียวกัน
อีก 3-5 ปี บล็อกเชนจะเข้ามามีบทบาทในการบังคับใช้สัญญาต่างๆ มากขึ้น ปัจจุบันมีบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกด้านไอทีที่ก้าวมาสู่การพัฒนาธุรกิจบล็อกเชนมากขึ้น อีกทั้งอุตสาหกรรมต่างๆก็เริ่มนำบล็อกเชนไปประยุกต์ใช้ นอกเหนือจากการเงิน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจบริการสุขภาพ ธุรกิจพลังงาน และธุรกิจการท่องเที่ยว กล่าวได้ว่าเป็นช่วงเติบโตขาขึ้นของบล็อกเชน หรือ Growth Stage
“จากสัญญากระดาษที่เราเคยใช้กันในอดีต กำลังจะเปลี่ยนเป็นสัญญาบนโลกดิจิทัล ที่ทุกปาร์ตี้สามารถตรวจสอบกันเองได้หมด จะไม่ใช่เรื่องของเทคนิคคัลอีกต่อไปแต่จะนำไปใช้ในการทำธุรกิจ กฎหมาย การเงิน ต่อไปก็จะเข้าสู่การใช้งานภาครัฐ”
เมื่อเห็นแล้วว่าบล็อกเชนกำลังเติบโต จึงจำเป็นต้องเร่งพัฒนาบุคลากรให้พร้อม ทั้ง Non-Technical Developer หรือนักพัฒนาที่ไม่ต้องทำงานเชิงเทคนิค ซึ่งเป็นกลุ่มที่เน้นความรู้เชิงธุรกิจ และความเข้าใจในลักษณะการทำธุรกิจบล็อกเชน อีกกลุ่มคือ Technical Developer หรือโปรแกรมเมอร์ที่สามารถทำงานในเชิงเทคนิคได้
“งานเรื่องบล็อกเชนเติบโตขึ้นมาก ปี2018 มีการเติบโตขึ้นสามเท่าตัวจากปีก่อน องค์กรต่างๆกล้าลงทุนกับบล็อกเชนมากขึ้นอีก 30% และอีก 30% ของบริษัทเอกชนยอมให้คนทำงานบล็อกเชนทำงานนอกออฟฟิศได้”
ปัจจุบันโลกกำลังเปลี่ยนไปมาก การเรียนรู้การศึกษาไม่จำเป็นต้องอยู่แค่ในมหาวิทยาลัย ต้องให้เยาวชนไปเรียนรู้จากประสบการณ์จริงจากการทำงาน ไปเผชิญกับปัญหาจริงๆในอุตสาหกรรม โดยมีอาจารย์เป็นที่ปรึกษาควบคู่ไปด้วย การศึกษานับจากนี้จะต้องเป็นการศึกษาให้ได้งาน ไม่ใช่แค่ใบปริญญาอีกต่อไป
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : ก.ล.ต. เตรียมปรับเกณฑ์ สินทรัพย์ดิจิทัล ให้เกิดความยืดหยุ่นและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ รวมทั้งคุ้มครองผู้ลงทุน