นักเทรดสาย DeFi คงรู้สึกเซ็งไม่น้อยที่ DeFi Token หลักๆไม่ว่าจะเป็น YFI,COMP,MKR,SNX หรือแม้แต่ UNI ซึ่งเปิดตัวออกมาล่าสุด ต่างถูกเทขายอย่างหนัก ในขณะที่มูลค่าตลาดรวมของ DeFi ยังคงเติบโตต่อเนื่องซึ่งดูแล้วสวนทางกับความรู้สึกอย่างมาก
ข้อมูลจากเวบไซต์ DeFipluse จะเห็นได้ว่ามูลค่าโทเคนที่ล๊อกไว้ (TLV) ของโปรเจกต์ DeFi เริ่มพุ่งอย่างรวดเร็วตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 1,000 ล้านดอลลาร์ จนกระทั่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ 12,500 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นการเติบโตกว่า 12X จนกระทั่ง TLV เริ่มนิ่งที่ 11,000 ล้านดอลลาร์
แม้มูลค่าตลาดของ DeFi จะยังคงเติบโต แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือ DeFi Token ซึ่งซื้อขายอยู่ในตลาดรองไม่ว่าจะอยู่ใน Centrlalized Exchange หรือ DEX ต่างถูกเทขายอย่างหนัก บางโทเคนติดลบมากกว่า 80-90% จากจุดสูงสุด
อย่างเช่น Yearn Finance หรือ YFI ซึ่งเป็นโทเคนที่ถูกจับตามองอย่างมากในช่วงที่เปิดตัวจากการจำกัดจำนวนโทเคนอย่างชัดเจน ราคาได้พุ่งขึ้นไปจุดสูงสุดที่ 44,000 ดอลลาร์ แต่ปัจจุบันราคาร่วงลมาอยู่ต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์
Yearn Finance (YFI) 1D
เช่นเดียวกับ COMP หรือ Compound ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดที่ 270 ดอลลาร์ จากนั้นราคาเป็นขาลงมาโดยตลอด ปัจจุบันอยู่ที่ระดับประมาณ 85 ดอลลาร์ รวมถึง SNX หรือ Synthetix Network ที่ราคาเป็นขาลงอย่างชัดเจนจากจุดสูงสุดที่ 8 ดอลลาร์ ปัจจุบันมาอยู่ที่ระดับ 2.5 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับราคาเปิดตัวโทเคนเลยทีเดียว
Compund (COMP) 1D
Synthetix Network (SNX) 1D
ทำไมโทเคนของ DeFi ถึงร่วงลงอย่างแรงขนาดนี้?? เหตุผลน่าจะมีอยู่ดังนี้
หนึ่ง..ผู้ที่ได้โทเคนจากการทำ Yield Farming เป็นคนกดราคาผู้ซื้อในตลาดรอง
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาโทเคนที่ซื้อขายในตลาดรองไม่สามารถที่จะไปได้ไกลมาก เนื่องจากผู้ที่ทำ Yield Farming แล้วได้ Reward เป็นโทเคนส่วนใหญ่เลือกที่จะขายทำกำไรทันทีเพราะแทบจะไม่มีต้นทุนของการได้มา ตรงจุดนี้ทำให้ผู้ที่ไปซื้อโทเคนในตลาดรองเสียเปรียบทันทีเพราะมีต้นทุนของราคา เมื่อโครงสร้างของโทเคนเป็นแบบนี้จึงอยากที่จะเห็นแรงซื้อจากตลาดรองเข้ามาหนุนราคา
สอง..นอกจากการเป็น Governance Token แล้วยังมองหาประโยชน์อื่นไม่เจอ
โทเคนที่ได้จากโปรเจกต์ DeFi ส่วนใหญ่นอกจากคุณสมบัติการเป็น Reward แล้วยังมีคุณสมบัติของการเป็น Governance Token หรือผู้ที่ถือโทเคนมีสิทธิในการออกเสียงต่างๆภายในโปรโตคอล เช่นขอเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ต่างๆ
อย่างไรก็ตามการได้สิทธิใน Governance Token ดูแล้วยังไม่มีแรงจูงใจมากพอที่จะถือมันไว้และผู้ถือไม่ได้รับสิทธิพิเศษอื่นๆในเชิงของผลตอบแทนการลงทุน (เช่นกรณีของ Native Token ของพวก Exchange ต่าง ๆ) เป็นเหตุผลทำให้โทเคนที่ทเรดในตลาดรองมีเอาไว้ใช้สำหรับการเทรดเพื่อเก็งกำไรเท่านั้น
สาม..ตลาดเริ่มซ้ำรอย ICO Bubble ในปี 2017
แม้ว่าโปรเจกต์ DeFi มีความแตกต่างจาก ICO ที่เคยบูมในปี 2017 ตรงที่ไม่มีสิทธิจะระดมเงินด้วย Whitepaper เพียงอย่างเดียว ตัวโปรโตคอลจะต้องเสร็จสมบูรณ์แล้วเท่านั้น ทำให้หลีกเลี่ยง Shit Coin ไปได้อย่างมาก
ICO หรือ Initial Coin Offering ที่เคยโด่งดังในปี 2017 และยังเป็นต้นกำเนิดของฟองสบู่สกุลเงินดิจิทัลที่ลากพาเอาทั้งบิทคอยน์และอีธีเรียมรวมถึงเงินดิจิทัลอื่นๆไปทำนิวไฮก่อนที่ฟองสบู่แตกและเข้าสู่ตลาดหมีหรือ Crypto Winter เป็นเวลานานกว่าสองปี และยังทำให้เกิดเหรียญขยะ (Shit Coin) หลายร้อยเหรียญ จนปัจจุบัน ICO ถูก DeFi เข้ามา Disrupt เป็นที่เรียบร้อย
แต่พอกระแส DeFi เริ่มแรงขึ้นก็เริ่มมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นเช่น เกิดโปรโตคอลใหม่ที่ลอกเลียนแบบกันเอง เกิดโปรเจกต์ปลอมที่ไม่มีแม้แต่โค้ดใดๆและนำมาหลอกให้ลงทุนใน Yield Farming หรือแม้แต่การถูกแฮ็ก สิ่งเหล่านี้ทำให้นักลงทุนบางส่วนเข็ดขยาดและไม่คิดที่จะลงทุนในโทเคนอีก
สี่..คอนเซ็ปต์ของ DeFi ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมาก
แน่นอนว่าคอนเซ็ปต์การไม่พึ่งพาตัวกลางของ DeFi จะเป็นสิ่งที่มีโอกาส Disrupt ธุรกิจการเงินดั้งเดิมและเติบโตไปได้มากกว่านี้ แต่สเตจแรกของมันก็ได้เกิดสิ่งที่ดูไม่มีเหตุผลมากมาย เช่น การให้ APY จากการทำ Yield Farming ระดับพันเปอร์เซ็นต์ ซึ่งยากที่จะเกิดขึ้นได้จริงแบบยั่งยืน ตลอดจนการใช้งานที่ยังดูยากสำหรับผู้ใช้งานมือใหม่
หลังจากที่ตลาด DeFi เติบโตในสเตจแรก เป็นไปได้ว่านักลงทุนบางส่วนกำลังมองพัฒนาการใหม่ของ DeFi ว่าจะแก้ปัญหาเดิมที่เกิดขึ้นในสเตจแรกได้หรือไม่ หากมีพัฒนาการที่ดีขึ้น เป็นไปได้ว่าการเติบโตในสเตจที่สองก็อาจจะเริ่มขึ้น เช่นเดียวกับการดับลงของ ICO และถูกพัฒนาไปสู่ IEO
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าพัฒนาการของ DeFi ยังไม่จบเพียงเท่านี้ หากนักพัฒนาสามารถเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆรวมถึงปิดจุดอ่อนต่างๆที่เกิดขึ้นในสเตจแรกได้ เชื่อว่าตลาด DeFi จะกลับมาคึกคักอีกครั้งและผู้ที่ติดดอยอยู่ก็มีโอกาสจะได้ลงจากดอยเสียที
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: ตลาดโทเคน DeFi เลือดไหลไม่หยุด หรือยุคของมันจะจบลงแค่นี้?