เหลืออีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะสิ้นสุดปี 2020 ทาง SuperCryptoNews ได้มีโอกาสสัมภาษณ์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้บริหารของ Binance เพื่อทบทวนเหตุการณ์ในช่วงปีที่ผ่านมา รวมถึงทิศทางและการคาดการณ์ต่อไปที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยตลอดทั้งปีนี้ Binance ถือเป็นอีกหนึ่งสกุลเงินดิจิทลที่โดดเด่นจนได้รับการจับตามองจากนักลงทุนในตลาด ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หลายตัว และการมุ่งมั่นเข้าสู่ DeFiของ Binance
Changpeng Zhao (CZ) ซีอีโอของ Binance ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอด 11 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงการเปลี่ยนแปลงพัฒนาในอนาคตที่สามารถคาดหวังได้จาก Binance โดยเฉพาะในเกาหลีใต้และภูมิภาคเอเชีย
Q. ปีที่ผ่านมานับเป็นปีที่ Binance ประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจหลายด้าน ธุรกิจใหม่ตัวไหนที่ให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจมากที่สุด
Ans : มีหลายธุรกิจหลายอย่างชอง Binance ที่ประสบความสำเร็จมากมาย แต่ถ้าให้ผมเลือกมาหนึ่งอย่างที่โดดเด่นมากในช่วงปีทีผ่านมา ก็คงต้องเป็น Binance Smart Chain (BSC) ที่whitepaper เปิดเผยในเดือนเม.ย. ก่อนที่เริ่มทดสอบในเดือนพ.ค. และออกสู่กระแสหลักในเดือนก.ย.
โดยในเดือนก.ย. เราได้ตั้งกองทุนเร่งรัด BSC มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเสริมสร้างให้ระบบเครือข่าย DeFi และ CeFi ที่ต้องอยู่กับ BSC มีความแข็งแกร่ง รวมถึงให้การสนับสนุนการสร้างระบบนิเวศน์ของบล็อกเชนและการเชื่อมโยง (synergize) ที่ดีขึ้นกับ DeFi และ CeFi
เรายังได้เปิดตัวโครงการคู่ขนานเพื่อดึงดูดนักลงทุนให้หันมาสนับสนุน BSCอีกหลายรายการ เช่น “Liquidity Incentive Program” และ“ BUIDL Reward Program” จนถึงขณะนี้ Binance ได้ประกาศโครงการออกมาแล้ว 11 โครงการที่จะได้รับทุนมากกว่า 850,000 ดอลลารสหรัฐ จากกองทุนเร่งการสนับสนุนสภาพคล่อง 10,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งยังมีโบนัสให้กับนักพัฒนาอีกรวม 1,059 BNB แจกจายตามสัดส่วนพลังงานที่ใช้สำหรับ contract ทำให้เราได้เห็นโครงการทั้งหลายได้รับการสนับสนุนทางการเงินและเทคนิคจากทีมของเราจนผ่านการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงพัฒนาได้อย่างมาก
ทั้งนี้ ในช่วงเวลาเพียงแค่่ 1 เดือนหลังจากเปิดตัว BCS เรามองเห็นมูลค่าที่ได้นำเสนอไป โดยข้อมูลจากสถิติหนึ่งพบว่า BSC ได้รองรับจัดการ ขนาดการทำธุรกรรม Ethereum ราว 21% โดยมีค่าธรรมเนียม (gas fee) อยู่ที่ 0.6% ในเดือนต.ค. ผลลัพธ์ดังกล่าวแปลได้ว่า สามารถประหยัดต้นทุนการดำเนินงานของเหล่าคริปโตเกิดใหม่ อย่าง DeFi ที่เพิ่มมีการเปิดตัวในช่วงไม่กี่เดือนก่อนหน้าได้ถึง 35 เท่า
ไม่เพียงเท่านั้น ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้า เราได้ประกาศโครงการ “Binance Bridge Project” ซึ่งมุ่งเพิ่มการทำงานร่วมกันระหว่างบล็อกเชนที่ต่างกัน และช่วยให้ใครๆ สามารถแปรสินทรัพย์ดิจิทัลใน Binance Chain และ BSC ที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ BTC, ETH, USDT หรือสินทรัพย์อื่นๆ ใน BSC DApps รวมถึงทำให้ผู้ใช้งานยังคงรักษา Bitcoin ไว้ขณะเข้าร่วม DeFi ใน BSC ในโครงการดังกล่าว
โครงการนี้ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของโครงการขนาดใหญ่ที่ Binance ตั้งเป้าที่จะขยายสภาพคล่องข้ามเครือข่ายระหว่างบล็อกเชนที่ต่างกันให้มากขึ้น
Q. โควิด-19 ทำให้เกิดผลกระทบในบางอุตสาหกรรม แล้ว Binanace ได้รับผลกระทบหรือไม่?
Ans : การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกส่งผลกระทบต่อหลายอุตสาหกรรม และทำให้หลายประเทศต้องออกมาตรการล็อกดาวน์ โดยอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เดินทาง และโรงแรมได้รับผลกระทบหนักที่สุดในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การระบาดก็ทำให้เกิดโอกาสสำหรับอีกหลายอุตสาหกรรม เช่น ยา เวชภัณฑ์ สาธารณสุข การศึกษาออนไลน์ VRs ฯลฯ
ทั้งนี้ โชคดีว่า การระบาดของโควิด-19 สำหรับ Binance ถือเป็นโอกาส เพราะนับตั้งแต่ล็อกดาวน์ ทำให้ผู้คนมีเวลามากพอที่จะออนไลน์และทำกิจกรรมบนโลกออนไลน์
อย่างไรก็ตาม ในช่วงระหว่างที่ชุมชนคริปโตกำลังเติบโตขึ้น เราก็ต้องการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับชุมชนคริปโตผ่านงานด้านการกุศล จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Binance Charity ได้ก่อตั้งขึ้นเป็นโครงการแคมเปญ #CryptoAgainstCOVID เมื่อเดือนมี.ค. และมีความคืบหน้าอย่างมาก โดยระบบนิเวศน์ Binance รวมถึง Binance CEX และ Binance Charity ได้บริจาคเงิน 3.3 ล้านดอลลาณ์สหรัฐฯ พร้อมด้วยผู้บริจาครายอื่นที่ร่วมบริจาคอีกราว 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมเป็นคริปโตเคอร์เรนซี รวม 4.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ช่วยเหลือประเทศมากกว่า 20 ประเทศทั่วโลกในการซื้อขายและจัดส่งอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลมากกว่า 1.5 ล้านเครื่องผ่านการบริจาคดังกล่าว
Q.ตามคำแนะนำของ FATF ผู้กำกับดูแลในอุตสาหกรรมคริปโตในแต่ละประเทศต่างเตรียมความพร้อม แล้ว Binance มีการเตรียมการเพื่อปฎิบัติตามมาตรฐานของแต่ละประเทศหรือไม่
Ans : มีครับ เรากำลังทำงานกับ Vendor ส่วนหนึ่งอยู่อย่าง Ciphertrace และ Shyft เพือดำเนินการตามคำแนะนำของ FATF
Q.ในเกาหลีใต้ กฎหมาย Specified Financial Information Act(SFIA)ได้มีการจัดตั้งขึ้น ซึ่งทำให้สกุลเงินต่างประเทศที่มีลูกค้าชาวเกาหลีใต้จำเป็นต้องทำเรื่องรายงานในฐานะธุรกิจ แล้ว Binance ได้เตรียมการไว้อย่างดีแล้วหรือไม่ แล้วกระบวนการเป็นอย่างไรบ้าง
Ans : ครับ เราปฎิบัติงานผ่านพันธมิตรของเราในเกาหลีใต้โดยเป็นไปตามเงื่อนไขทางกฎหมายและระเบียบของเกาหลีใต้
Q. คุณคิดว่าการที่ทางการมีระบบเข้ามากำกับเป็นโอกาสของตลาดคริปโตหรือไม่ หรือคุณคิดว่าจะทำให้ตลาดหดตัว
Ans : การมีระบบระเบียบทางกฎหมายเข้ามากำกับดูแลที่ชัดเจนมากขึ้นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมโดยรวม เราเชื่อว่าเงินทุนมหาศาลส่วนใหญ๋ยังคงอยู่ในโลกดั้งเดิม โดยเป็นความมั่งคังของโลกมากกว่า 99.9% และพวกเขาต่างรอคอยอยู่รอบนอก และพร้อมที่จะเข้ามาทันทีที่กฎหมายเหล่านี้มีความชัดเจน เราต่างเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับช่วงเวลาดังกล่าวเสมอ ช่วงเวลาที่จะได้เชื่อมโยงโลกดั้งเดิมให้เข้ากับพื้นที่ของเรา
Q. คุณได้เน้นย้ำ ถึง DeFi ในปี 2020 เราส่งสัยว่า ทำไม Binance ถึงให้ความสำคัญกับตลาด DeFi
Ans : วิสัยทัศน์ของ Binance คือการเพิ่ม “อิสรภาพทางการเงิน” และเราก็มุ่งมั่นดำเนินงานเพื่อไปสู่วิสัยทัศน์ดังกล่าว เราได้ทดลองนวัตกรรมใหม่ๆ มากมาย และบางอย่างก็พิสูจน์ให้เห็นศักยภาพประสิทธิภาพที่ดี เช่น DeFi ซึ่งเป็นระะบที่จะนำไปสู่อิสรภาพทางการเงินอย่างแท้จริง จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมเราถึงให้ความสนใจกับตลาด DeFi มาสักระยะหนึ่งแล้ว
BSC และ DeFi เป็นหนึ่งในธุรกิจที่เราได้เริ่มทดลองทำ ในเดือนเม.ย. 2019 เราได้เปิดตัว Binance Chain และ DEX ที่ในขณะนั้น เราไม่ว่า DeFi จะเติบโตได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม เรายังคงเดินหน้าพัฒนาธุรกิจของเรา ซี่งปีนี้เราก็สามารถติดตามกระแสของ DeFi ได้
Q. คุณประเมินประสิทธิภาพของ DeFi ไว้อย่างไร แล้วคาดหวังว่าเทรนด์ต่อไปหลังจาก DeFi จะเป็นอย่างไร
Ans : ผมคิดว่านวัตกรรมที่เกี่ยวกับสภาพคล่อง และ AMM (Automatic market maker) โดยเฉพาะในการซื้อขายstablecoin ที่เราได้เห็นในปี 2020 นี้เป็นสิ่งที่น่าใจอย่างมาก ซึ่งผมเชื่อว่ามันจะยังอยู่สักระยะ อีกทั้ง DEX ยังเหมาะกับการลิสต์เหรียญที่มีขนาดเล็กและเพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน ซึ่งถือเป็นการวางพื้นฐานการตรวจสอบที่ดีสำหรับ CEXs ที่ใหญ่ขึ้นไป
ในส่วนของ Binane ได้เปิดตัวนวัตกรรม DeFi เหล่านี้มากมาย เช่น กลุ่มสภาพคล่องและการเก็บออม (ดอกเบี้ย/ อัตราผลตอบแทนทั่วไป) เรายังได้สร้าง Binance Innovation Zone ที่มีไว้สำหรับการจดทะเบียนของเหรียญใหม่ที่เข้ามาโดยเฉพาะ เป็นการจัดเตรียมสภาพคล่องสำหรับ DeFi tokens ขณะเดียวกันก็ปกป้องคุ้มครองเทรดเดอร์อ่อนประสบการณ์จากความเสี่ยงในการซื้อขาย
สำหรับปี 2021 ผมเชื่อว่าเราจะได้เห็นการหลอมรวมของผลิตภัณฑ์ในฝั่งของ CeFi มากขึ้น แต่โดยพื้นฐานแล้ว DeFi และ CeFi ต่างมีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน ซึ่งผมหวังว่า ทั้งสองจะช่วยให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตต่อไปด้วย แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เราก็พร้อมที่จะสนับสนุนและประยุกต์ใช้ นวัตกรรมใหม่ๆ และเทรนด์ใหม่ของ DeFi
จริงๆ แล้ว ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าเทรนด์ในปีหน้าจะเป็อย่างไร เรามีไลน์ธุรกิจทแตกต่างกันมากมาย และเราก็เตรียมพร้อมที่จะรับกับอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นตามหลัง DeFi หนึ่งในสิ่งที่อุตสาหกรรมพูดไว้ว่าอาจจะตามมาหลัง DeFi ก็คือ NFT ซึ่งในปี 2021 เราจะได้เห็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นและการประยุกต์ใช้งานที่มากขึ้นของ NFT ไล่เรียงตั้งแต่ ไอเทมเสมือนจริงในเกม ไปจนถึงบัตรคอนเสิร์ต ผมเชื่อว่า มันจะเป็นพื้นที่ใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่ยังไม่มีการสำรวจมาก่อน และผมก็ตั้งตารอดูว่าสิ่งเหล่านี้จะมีการพัฒนาไปอย่างไร
Q.ปีนี้ Binance.KR ได้เปิดตัวออกไป คุณคิดว่าการตอบรับจากตลาดเกาหลีใต้เป็นอย่างไรบ้างส
Ans :Binance.KR มีความคืบหน้าและค่อยๆ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจากการจัดอันดับให้อยู่ที่ 241 ของ CoinMarketCap เมื่อเดือนสิงหาคม ขณะนี้ (วันที่ 18 พ.ย.) อันดับของ Binance.KR เพิ่มขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 46 ซึ่งตอนนี้ทำให้เราได้รู้ว่า Binance.KR มีการยกระดับเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ขณะที่เราเองเก็เดินทางทดลองหาสแนวทางใหม่ๆ ที่จะยกระดับประสบการณ์ของผู้ให้งานของเราอยู่เสมอ และเราหวังว่าจะมีข่าวดีประกาศออกมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
SOURCE https://www.supercryptonews.com/binance-says-adieu-to-2020-cz-on-2021-plans/