ไม่นานมานี้ ได้มีการประกาศยุติการให้บริการของ Crypto Exchange รายหนึ่งของไทยที่ถือว่าเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดที่ดำเนินธุรกิจมากว่า 5 ปี หลังจากที่ได้มีการเสนอข่าวออกไปผู้คนต่างแสดงความแปลกใจเพราะบริษัทแห่งนั้นทำกำไรได้ทุกปีและอยู่ในระดับที่สูงเสียด้วย สูงจนหลายคนมองว่ากระดานเทรดนั้นคือเครื่องจักรผลิตเงินสด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : BX เวบเทรดคริปโตรายใหญ่ของไทยประกาศยุติการให้บริการ
แต่พอมีการเปิดเผย Crypto Exchange อีกสองรายที่เหลือในประเทศไทยซึ่งเริ่มต้นธุรกิจช้ากว่าปรากฎว่าทั้งสองรายต่าง “ขาดทุน” ในการทำธุรกิจทั้งคู่
ขณะที่ Crypto Exchange ในระดับโลกอย่าง Binance ได้ออกมาประกาศว่าแม้ตลาดซื้อขายเงินดิจิทัลจะซบเซาลง แต่ในปี 2018 บริษัทฯยังคงมีกำไรสุทธิได้ต่อเนื่อง โดยสำนักข่าว Theblockcrypto รายงานว่า Binance มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 446 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ซีอีโออย่าง CZ ได้กล่าวผ่านสื่อในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วว่า บริษัทของเขาน่าจะมีกำไรในปี 2018 อยู่ที่ 500-1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม Binance ถือว่ามีกำไรลดลงจากปี 2017 ซึ่งตลาด Cryptocurrency อยู่ในภาวะกระทิง
แต่เชื่อว่าไม่ใช่ผู้ให้บริการเวบเทรด Cryptocurrency ทุกรายจะมีกำไรเหมือน Binance ท่ามกลางตลาดกระทิงในปี 2017 ทำให้เกิด Crypto Exchange ขึ้นมากมายทั่วโลกทั้งที่ได้ลงทะเบียนจัดตั้งอย่างเปิดเผยและไม่ได้เปิดเผย แต่พอตลาดเข้าสู่ขาลง เราได้เห็นข่าวว่ามีผู้เล่นปิดตัวลงไปจำนวนมาก
สาเหตุของการปิดตัว หากไม่ได้มาจากการตั้งใจ “โกง” ลูกค้า ส่วนใหญ่แล้วจะมาจากวอลลุ่มการซื้อขายที่ลดลงอย่างมาก เพราะรายได้หลักของผู้ที่ดำเนินธุรกิจเป็นตัวกลางซื้อขาย ไม่ว่าจะเป็นโบรกเกอร์หุ้น นายหน้าประกัน หรือแม้แต่เวบเทรดเงินดิจิทัลนั่นก็คือค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย การที่ความสนใจในการเทรด Cryptocurrency ลดลงไป แต่ขณะที่ต้นทุนการดำเนินงานยังคงวิ่งไม่หยุด คนที่สายป่านสั้นก็จะต้องขาดทุนและปิดกิจการไป
หลายคนชอบมองว่าธุรกิจที่เป็นคนกลางซื้อขายทำตัวเหมือน “เสือนอนกิน” คืออยู่เฉยๆก็สามารถสร้างกระแสเงินสดได้เหมือนกับธนาคารพิมพ์ธนบัตรออกมาได้เอง แต่ในความจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น ต้นทุนทางธุรกิจอยู่ในระดับที่สูงและมีความเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้อยู่ตลอดเวลานั่นคือสภาวะตลาด ช่วงที่ตลาดกระทิง ผู้คนก็จะแห่มาซื้อขาย แต่ช่วงที่ตลาดเป็นหมี วอลลุ่มการซื้อขายก็จะหายไป นี่คือธรรมชาติของธุรกิจตัวกลางซื้อขาย
ถ้าตลาด Cryptocurrency ยังไม่กลับมาอยู่ในภาวะกระทิง เชื่อได้ว่า Crypto Exchange รายใหม่ที่เข้ามายากที่จะทำกำไรได้ น่าจะเป็นการนำเงินมาเผาเล่นไปวันๆเลยทีเดียว ยกเว้นมีรูปแบบธุรกิจที่หลากหลายเช่น ปล่อยกู้หรือทำ IEO ไม่พึ่งพาแต่การเป็นคนกลางซื้อขาย
แต่ผู้เล่นที่สามารถยึดครองตลาดนี้มาได้ก่อนอาจจะเข้าหลักการ Winner Take All คือมีกำแพงกั้นผู้เล่นหน้าใหม่ไม่ให้เข้ามาแย่งตลาดได้โดยง่ายแล้ว กลุ่มผู้นำระดับต้นๆอาจจะดีใจได้กับกระแสเงินสดที่เข้ามาทุกวัน
แต่ต้องไม่ลืมว่าธุรกิจตัวกลางซื้อขาย มีความเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้อยู่ตลอดเวลา ยิ่งธุรกิจเงินดิจิทัลมีความเสี่ยงเรื่องของการกำกับดูแลและการถูก Hack รวมถึงภาวะตลาดที่ไม่แน่นอน หาก Crypto Exchange ไม่มีการปรับตัวด้วยการสร้างธุรกิจใหม่ๆ รอรับแต่ค่าธรรมเนียมซื้อขาย สักวันก็จะเปลี่ยนจากเครื่องจักรผลิตเงินสดเป็นเครื่องเผาเงินเช่นกัน
บทความโดย นเรศ เหล่าพรรณราย
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : ซื้อขาย Cryptocurrency ผ่าน Exchange