เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา สมาคมธุรกิจแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล ญี่ปุ่น The Japan Virtual Currency Exchange Association (JVCEA) หน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับและดูแลอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่ ได้ประกาศเพิ่มรายชื่อสมาชิกแบบ Second-class เข้ามาใหม่ 3 บริษัท โดยมี Coinbase เป็นหนึ่งในนั้น
อีกสองบริษัทคือ Digital Asset Markets และ Tokyo Hash ที่เข้าร่วมกับทางสมาคม JVCEA ในการเป็นสมาชิกระดับ Second-class ที่ลงทะเบียนและได้รับการอนุญาตอย่างเป็นทางการสำหรับการเป็นบริษัทให้บริการแลกเปลื่ยนคริปโตเคอเรนซี่ หรือเพื่อดำเนินธุรกิจในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตฯได้อย่างถูกกฏหมายในประเทศญี่ปุ่น
สำหรับบริษัท Coinbase นั้นมีประกาศออกมาตั้งแต่ช่วงปีที่แล้วถึงการได้รับอนุญาติในการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมคริปโตฯ แต่ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ ในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม Coinbase ได้เปิดเผยถึงความพยายามในการขยายความต้องการคริปโตฯในตลาด ญี่ปุ่น ด้วยการร่วมมือกับ Bank of Tokyo-Mitsubishi UFJ โดยมีเป้าหมายในการขยายขอบเขตธุรกิจสู่นานาชาติ
Line บุกตลาดคริปโตฯ
ประเทศญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่ให้การยอมรับเงินดิจิทัลมากที่สุด ทำให้มีบริษัทมากมายที่ต้องการเข้าลงทะเบียนเพื่อได้รับอนุญาตในการดำเนินธุรกิจคริปโตฯในประเทศญี่ปุ่น ทั้งจากในอุตสาหกรรมการเงินที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรง และอุตสาหกรรมเทคโนโลนีด้านอื่น ๆ ก็แสดงความสนใจไม่น้อย แต่บริษัทที่โดดเด่นที่สุดคงจะเป็นใครไม่ได้นอกจาก LINE
บริษัท LVC Corporation ซึ่งอยู่ในเครือของบริษัท LINE ประกาศได้รับอนุญาติในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคริปโตฯอย่างถูกกฎหมาย และทำการสร้างเหรียญ “Link” ขึ้นมาเพื่อเป็นโทเคนของตนเองที่จะช่วยให้ผู้ครอบครองสามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ ที่ใช้โทเคนเป็นสื่อกลาง และได้เปิดให้บริการเว็บไซต์ BitFront แพลตฟอร์มสำหรับซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ เช่น Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), Bitcoin cash(BCH), Litecoin(LTC) และ “Link”
ทั้งนี้ LINE ไม่ใช่แอปพลิเคชั่นเดียวที่กำลังพยายามเข้าสู่ตลาดคริปโตฯ ยังมีผู้ให้บริการรายอื่นๆ เช่น Kakao ที่ได้ออกเหรียญ “Klaytn” เป็นคริปโตฯประจำแอปฯ และการออกเหรียญ “Libra” ของ Facbook ที่ได้กลายเป็น talk of the town เนื่องจากส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการเงินจนหลายภาคส่วนต้องออกมาหามาตรการตอบโต้ เช่น โครงการพัฒนาวิธีการชำระเงินให้มีประสิทธิภาพของธนาคารกลางยุโรป เพื่อตอบโต้การมาของ “Libra” และ การขึ้นเป็นสกุลเงินหลักแทนดอลลาร์สหรัฐฯ
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: Litecoin Foundation ร่วมพันธมิตรสตาร์ทอัพเกาหลีใต้ หวังกระตุ้นการใช้เงินดิจิทัล
