Coinbase แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีชั้นนำเพิ่งบรรลุข้อตกลงมูลค่า 1.36 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อพัฒนา “ซอฟต์แวร์พัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อการบริการ” สำหรับกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ สัญญาซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 กันยายน ระบุว่า ทาง Coinbase จะได้รับงบสนับสนุนมูลค่า 455,000 เหรียญสหรัฐ จากกองตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรของสหรัฐฯ (ICE) เป็นค่าตอบแทนสำหรับการบริการพัฒนาซอฟท์แวร์ดังกล่าว และหากสัญญามีการต่อขยายออกไปตามกำหนดสูงสุด 3 ปี ทางแพลตฟอร์ม Coinbase อาจได้รับเงินสูงถึง 1.36 ล้านเหรียญสหรัฐแทน
ถือเป็นความร่วมมือครั้งที่สองที่ Coinbase ได้ลงนามกับ ICE โดย ก่อนหน้านี้ Coinbase ได้ทำสัญญามูลค่า 30,000 เหรียญสหรัฐเพื่อให้บริการด้านนิติคอมพิวเตอร์แก่ ICE ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาส่วนใหญ่จากชุมชนชาวคริปโตล้วนแสดงความไม่พอใจต่อข่าวที่เกิดขึ้น โดย Alex Gladstein หัวหน้าเจ้าหน้าที่กลยุทธ์ของ Human Rights Foundation อธิบายว่า เป็นเพราะ Coinbase ไม่ได้รับการชดเชยอย่างเพียงพอสำหรับขนาดการปฏิบัติงานดังกล่าว และมองว่าเป็นเรื่องแปลกที่พบว่าแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนคริปโตจะเสี่ยงต่อการได้รับความเสียหายจากชื่อเสียงด้วยจำนวนเงินเพียงเล็กน้อย
ขณะเดียวกัน ข่าวที่เกิดขึ้นทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์บางอย่างเกี่ยวกับการซื้อกิจการของ Neutrino ในปี 2019 กลับมาอีกครั้ง โดยมีรายงานว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการเริ่มต้นการวิเคราะห์บล็อคเชนครั้งหนึ่งเคยอยู่ในทีมแฮ็กกิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทที่ช่วยระบอบเผด็จการในการสอดแนมนักข่าว ตัวอย่างเช่น Giancarlo Russo ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ Neutrino ที่ได้รับการเปิดเผยว่าเป็นอดีต COO ของทีม Hacking ขณะที่ Alberto Ornaghi ซีทีโอทำงานที่บริษัทมา 8 ปีแล้ว