Charles Hoskinson เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงคริปโตเคอเรนซี่ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum และต่อมาได้แยกตัวออกมาสร้างโปรเจกต์ของตัวเองภายใต้ชื่อ Cardano (ADA) และขณะนี้ยังดำรงตำแหน่งซีอีโอของบริษัท Input Output (IOHK) ผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาของ Cardano อีกด้วย
นาย Hoskinson เผยว่า เขาได้มีโอกาสเฝ้ามองดูบิทคอยน์และเทคโนโลยีบล็อกเชนเติบโตจากกลุ่ม Cyberpunk และ Libertarian Geek กลุ่มเล็ก ๆ จนกลายมาเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในปัจจุบันที่มีบริษัทมากมายพยายามนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้เพื่อแก้ปัญหาและร่วมพัฒนาสังคมทั่วโลก
เขาได้ยกตัวอย่างอุตสาหกรรมที่บล็อกเชนเข้าไปมีส่วนช่วยในการพัฒนาอย่างเช่น การจัดการ Supply Chain การบันทึกข้อมูลสุขภาพ การจดสิทธิบัตรและยืนยันตัวตน เพิ่มความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (Data Privacy) และการโอนถ่ายมูลค่าผ่านเครือข่ายกระจายศูนย์เป็นต้น
“คนที่เข้ามาร่วมสร้างในวงการนี้ล้วนมีความเห็นตรงกันอย่างหนึ่งคือพวกเขาไม่โอเคกับระบบที่มีอยู่ในปัจจุบันและต้องการปรับเปลี่ยนมันโดยนำเอาตัวกลางทั้งหลายออกไป” นาย Hoskinson เสริม
นอกจากนี้เขายังชี้ให้เห็นอีกว่า แม้ขณะนี้ มนุษยชาติจะอยู่ในจุดที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีพัฒนามาไกลมาก แต่ทำไมปัญหาง่าย ๆ อย่างเช่นการเลือกตั้งยังต้องใช้กระดาษและวิธีแบบโบราณที่สุ่มเสี่ยงต่อการโกง หรือทำไมยังมีประชากรโลกอีกถึงสามพันล้านคนที่ยังไม่มีสิทธิเข้าถึงบริการทางการเงินซึ่งถือเป็นหนึ่งในสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน
ในความเป็นจริงแล้วมนุษย์สามารถแก้ปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นได้ทั้งหมดทั้งสิ้นด้วยเทคโนโลยีและความรู้ที่มีอยู่ หากแต่ความเชื่อใจในการทำงานร่วมกันต่างหากที่กลับกลายเป็นอุปสรรคไม่ให้ปัญหาเหล่านั้นถูกแก้ไข แม้เทคโนโลยีจะพัฒนาไปไกลเพียงใด หากมนุษย์ยังคงไม่เชื่อใจและทำงานร่วมกันเพื่อช่วยกันสร้างสิ่งที่ดีกว่าได้ เราก็คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่ยังรุมเร้ากัดกินสังคมเช่นนี้อยู่ได้
“เราจะแจกจ่ายวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ หรือเราจะเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติในครั้งต่อ ๆ ไปได้อย่างไร หากเราไม่มองกลับมาพิจารณาว่าอะไรเป็นตัวการให้มันล้มเหลวนั่นคือการไม่เชื่อใจกันระหว่างรัฐประเทศ” นาย Hoskinson กล่าว
เทคโนโลยีบล็อกเชนจะนำทางเลือกใหม่มาให้ทุก ๆ คน ไม่แน่ว่าจากการมาของเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้ผู้คนสามารถทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้นอีกนิดและเชื่อใจกันมากขึ้นอีกหน่อย รวมไปถึงการคืนอำนาจกลับไปสู่ปัจเจกบุคคลให้มนุษย์ทุกคนมีสิทธิในการควบคุมเงิน ข้อมูล และความเป็นส่วนตัวของตนเอง ในขณะที่ยังสามารถร่วมมือกันสร้างสิ่งที่ดีกว่าเพื่ออนาคตของทุกคนขึ้นมาได้
นาย Hoskinson เผยอีกว่า เขาได้ใช้เวลาจำนวนมากในทวีปแอฟริกากับบริษัท IOHK “มันเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพและน่าตื่นตาตื่นใจมาก” เขากล่าว เศรษฐกิจของทวีปแอฟริกามีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในโลก ภายในปี 2050 มันสามารถกลายเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกขนาดใหญ่เทียบได้กับสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และจีนได้เลยทีเดียว
“ในประเทศเอธิโอเปีย ประชากรกว่า 70% มีอายุ 30 ปีหรือน้อยกว่าซึ่งส่วนใหญ่เติบโตมากับโลกออนไลน์ พวกเขามีความเห็นตรงกันว่าระบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้มันไม่สมบูรณ์แบบ และพวกเขามีความต้องการที่จะเปลี่ยนมัน” โดยพวกเขาต้องการจะเปลี่ยนมันให้ดีกว่าเดิม กล้าที่จะทดลองวิธีใหม่ ๆ ที่ต่างจากชนชาติตะวันตกเคยทำมา คนรุ่นใหม่จากประเทศในทวีปแอฟริกาเหล่านี้มีความปรารถนาที่จะสร้างระบบใหม่ซึ่งให้ความเท่าเทียมกับทุก ๆ คนบนโลกนี้
ผู้ก่อตั้ง Cardano ยังเสริมอีกว่า “โปรเจกต์บล็อกเชนแต่ละโปรเจกต์นั้นเปรียบได้เหมือนอิฐแต่ละก้อนบนกำแพงขนาดใหญ่ แน่นอนว่าอิฐเพียงก้อนเดียวไม่สามารถสร้างกำแพงได้ หากแต่เมื่อเรานำอิฐมาต่อกันมากพอ กำแพงก็จะสามารถก่อตัวขึ้นได้ในที่สุด”
นั่นหมายความว่าไอเดียหรือโปรเจกต์เดียว แม้จะล้ำค่ามากแค่ไหน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ หากแต่ต้องเป็นการร่วมมือกันของหลาย ๆ ฝ่ายที่ทำงานร่วมกันในโลกไร้พรหมแดนเท่านั้นจึงจะบรรลุเป้าหมายในการสร้างความเปลี่ยนแปลง
เมื่อมองไปในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า นาย Hoskinson จินตนาการว่าผู้คนจะสามารถโหวตเลือกตั้งได้ผ่านโทรศัพท์มือถือของตัวเอง หรือมีกระเป๋าสตางค์ครอบจักรวาลที่ให้เราเลือกจ่ายด้วยสกุลเงินที่เราปรารถนา และร้านค้าก็สามารถเลือกรับเงินในรูปแบบที่ต้องการอีกด้วย
โลกการเงินจะเปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบันเป็นอย่างมาก ทุกแพลตฟอร์ม ทุกตลาดบนโลกจะเชื่อมต่อกัน และมีสิ่งที่เรียกว่า “Financial Stemcells” เปรียบเหมือนสารตั้งต้นที่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นสินทรัพย์ใด ๆ ก็ได้ในโลก ซึ่งมันจะช่วยให้โลกเรามีอัตราเร่งในการพัฒนาในภาคเศรษฐกิจได้เร็วยิ่งขึ้น
นาย Hoskinson ยังทิ้งท้ายไว้อีกว่า “ทุกโปรโตคอลที่โปรเจกต์ชั้นนำในแวดวงคริปโตฯไม่ว่าจะเป็น IOTA, EOS หรือ Ethereum นั้นล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน คือการสร้างระบบเปิดที่ให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาและใช้ความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองได้อย่างไม่มีข้อจำกัด”
Cover photo courtesy: Singapore Blockchain Week 2020
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: Roger Ver: เสรีภาพทางเศรษฐกิจและการมาของเงินดิจิทัล