- Kraken บริษัทแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี (cryptocurrency) ของสหรัฐ จ่ายค่าปรับ 1.25 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อระงับข้อกล่าวหาที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยในสหรัฐสามารถซื้อขายผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นที่ผิดกฎหมายซึ่งเชื่อมโยงกับ บิทคอยน์และคริปโตเคอเรนซีอื่น ๆ
- หากหน่วยงานกำกับดูแลพยายามปกป้องผลประโยชน์สาธารณะอย่างแท้จริง พวกเขาควรทำงานร่วมกับผู้ที่เลือกที่จะถูกควบคุมแทน เพราะนั่นจะทำให้ลูกค้าจำนวนมากขึ้นภายในวงโคจรของกฎระเบียบ
ขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) อาจกำลังดิ้นรนเพื่อความเป็นหนึ่งในกฎระเบียบของแดนเถื่อนอย่างคริปโตเคอเรนซีอยู่นั้น หน่วยงานที่เป็นคู่แข่งกัน อย่าง สำนักงานคณะกรรมการกำกับสินค้าโภคภัณฑ์และการซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐ หรือ CFTC ก็ได้เตะลูกซัลโวลูกแรกเพื่อต่อต้านบริการของแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีเหล่านั้น
ทั้งนี้ ตามคำแถลงของ CFTC เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาระบุว่า Kraken บริษัทแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี (cryptocurrency) ของสหรัฐ ทำให้ผู้อยู่อาศัยในสหรัฐสามารถซื้อขายผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นที่ผิดกฎหมายซึ่งเชื่อมโยงกับบิทคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซีอื่น ๆ จน Kraken ต้องยอมจ่ายค่าปรับ 1.25 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อยุติข้อกล่าวหาดังกล่าว
ขณะที่ เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทางบริษัทแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี (cryptocurrency) ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ อย่าง Coinbase Global (-1.98%) ก็ได้ยกเลิกแผนการที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อสกุลเงินดิจิทัลที่เรียกว่า “Lend” หลังจากที่SECขู่ว่าจะฟ้องหากบริษัทดึงดันดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ CFTC ยังกล่าวหาว่า Kraken ล้มเหลวในการลงทะเบียนกับหน่วยงานในฐานะผู้ค้าค่าคอมมิชชั่นล่วงหน้า
“การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมาร์จิ้น เลเวอเรจ หรือการเงินที่เสนอให้กับลูกค้ารายย่อยในสหรัฐอเมริกาจะต้องเกิดขึ้นในการแลกเปลี่ยนที่ลงทะเบียนและควบคุมอย่างเหมาะสมตามกฎหมายและข้อบังคับที่บังคับใช้ทั้งหมด”
แถลงการณ์เน้นย้ำถึงความไม่สม่ำเสมอของการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล โดยผู้ที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบจะถูกขัดขวางโดยหน่วยงานกำกับดูแลที่มีความสุข ในขณะที่การแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลนอกชายฝั่งที่ยังคงพบวิธีการเพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกา อนุญาตให้เสนอทางเลือกในการลงทุนและการซื้อขายออพชั่นที่หลากหลาย
ขณะที่ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น การให้กู้ยืมเงินดิจิทัลและอนุพันธ์ได้รับการเสนอโดยบริษัทแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลนอกชายฝั่งซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในสถานที่ต่างๆ เช่น Bahamas และ Seychelles.
และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าหน่วยงานกำกับดูแลจะควบคุมพื้นที่การเงินแบบกระจายอำนาจได้อย่างไร โดยที่ผู้ค้า (ขายปลีกหรืออย่างอื่น) สามารถเข้าถึงอนุพันธ์ผ่านสัญญาอัจฉริยะโดยไม่มีอุปสรรคในการเข้าหรือซื้อขาย
ทั้งนี้ หากหน่วยงานกำกับดูแลพยายามปกป้องผลประโยชน์สาธารณะอย่างแท้จริง ห่างไกลจากการทำลายบริษัทคริปโตเคอเรนซี่ พวกเขาควรทำงานร่วมกับผู้ที่เลือกที่จะถูกควบคุมแทน เพราะนั่นจะทำให้ลูกค้าจำนวนมากขึ้นในวงโคจรของกฎระเบียบ
