มันมีเหตุผลมากมายว่าทำไมราคาของบิทคอยน์ถึงร่วงลงอย่างหนัก แต่เหตุผลหลักก็คือ บิทคอยน์ นั้นเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องค่อนข้างสูง
นโยบายอัดฉีดสภาพคล่อง หรือ QE จำนวน 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ของสหรัฐฯในปี 2013 แปรผันตรงกับราคาของบิทคอยน์ ส่งผลให้บิทคอยน์เข้าสู่ตลาดกระทิงครั้งใหญ่
กราฟราคาสีสันสดใสนี้ถูกเสนอขึ้นครั้งแรกในปี 2014 โดยผู้ใช้ Reddit ที่ใช้นามแฝงว่า azop จนถูกขนานนามว่า “กราฟสายรุ้งแห่ง Reddit”
หลังจากที่ราคาของบิทคอยน์ร่วงลงอย่างหนักในวันที่ 13 มีนาคม ก็ได้มี Stablecoins ถูกพิมพ์ออกมาเพิ่มเป็นจำนวนมาก ทั้ง USDT, USDC, BUSD และ PAXOS
ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา LINK ได้แซงหน้าทั้ง XRP และ Ethereum (ETH) ไปเรียบร้อยแล้ว โดยมีวอลุ่มซื้อขายเป็นรองเพียงแค่ Bitcoin (BTC) เท่านั้น
ข้อมูลจากบริษัทด้านความปลอดภัยบนไซเบอร์ Qrator Labs เปิดเผยผ่านสื่อท้องถิ่น RBC ว่าชาวรัสเซียให้ความสนใจในการแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 กำลังระบาด
จากข้อมูลของ Glassnode วันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา มีจำนวนการ ฝากบิทคอยน์ เข้าไปบน Exchange ลดลงต่ำสุดในรอบ 3 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 777 รายการฝากใน 1 ชั่วโมง
บริษัทจัดการกองทุนสัญชาติแคนาดา 3iQ ได้ประกาศเปิดตัวกองทุนที่ลงทุนในบิทคอยน์ ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์โตรอนโต (TSX) หลังจากใช้เวลาถึงสามปีในการยื่นเรื่อง
เมื่อคืนที่ผ่านมาตลาดการลงทุนกลับมาสู่ภาวะกระทิงแทบทุกตลาด (ยกเว้นราคาน้ำมันที่ยังไม่มีข้อสรุประหว่างรัสเซียกับซาอุดิอาระเบีย) ปัจจัยหลักมาจากอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 ที่ลดลงทั้งในอิตาลี, สเปน, ฝรั่งเศสและเยอรมนี Bitcoin และ Altcoin ต่างพุ่งแรงรับข่าว
คงต้องยอมรับว่าปี 2020 นี้เริ่มต้นมาได้ไม่สวยงามซักเท่าไหร่ ด้วยปัญหาทั้งด้านการระบาดของไวรัสโควิด 19 ที่ไม่มีทีท่าว่าจะบรรเทาลงในเร็ววัน