บิทคอยน์ ยังคงพุ่งต่ออย่างร้อนแรงกว่า 12% แตะระดับ 11,500 ดอลลาร์ และยังได้นำทีมเหรียญน้องที่เกิดจากการ Hard Fork อย่าง LTC,BCH,BSV พุ่งตามหลังฟอร์มแผ่วมานาน
ราคาทองคำที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในครั้งนี้นั้นส่งผลต่อโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยเช่นกัน แม้บิทคอยน์จะมีการขยับราคาขึ้นตามสินทรัพย์ปลอดภัยรุ่นพี่อย่างทองคำ แต่สินทรัพย์ที่ตอบสนองต่อราคาของทองคำอย่างรวดเร็วที่สุดคงจะหนีไม่พ้น Stablecoin ที่มีทองคำหนุนหลังอย่าง Tether Gold (XAUT)
นอกจากนักลงทุนทั่วไปที่เฝ้ารอการอัพเกรด Ethereum 2.0 อันจะมาพร้อมกับการเปลี่ยนระบบไปเป็น Proof-of-Stake ที่กำลังจะมาถึงในเร็ววันนี้แล้ว ดีมานด์จากลูกค้ารายใหญ่ก็มีไม่แพ้กันเมื่อบริษัท Trustology บริษัทรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลเตรียมเปิดให้บริการ ETH Staking สำหรับนักลงทุนสถาบัน
แม้พันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯจะถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สุดในโลกเนื่องจากมีความน่าเชื่อถือของประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกหนุนหลัง หากแต่นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา การถือพันธบัตรสหรัฐฯกลับให้ผลตอบแทน”แท้จริง”ที่ติดลบ
บิทคอยน์ ฟื้นตัวได้จนราคายืนเหรือระดับ 9,500 ดอลลาร์ แนวต้านต่อไปอยู่ที่ระดับ 10,000 ดอลลาร์ หากผ่านไปได้แนวต้านสำคัญคือระดับ 10,500 ดอลลาร์
Ethereum พุ่งแรงโดดเด่นกว่า 7% โทเคน Defi คึกคักตามไปด้วย แนวต้านสำคัญต่อไปที่ต้องผ่านไปให้ได้คือที่ระดับ 290 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของปีนี้
บิทคอยน์ ฟอร์มแผ่วถูกทองคำ-หุ้น ทำผลตอบแทนแซงหน้าในรอบหนึ่งเดือน โดยรีเทิร์น -3% ขณะที่ทองคำสร้างผลตอบแทนได้ +4% ตลาดหุ้น น้ำมัน ฟื้นตัวเช่นกัน
โทเคน YFI ของแพลตฟอร์มรวบรวมโปรเจกต์ DeFi เพื่อการทำ Yield Farming ที่ถูกสร้างขึ้นโดยชายเพียงคนเดียวภายใต้ชื่อ yearn.finance ได้พุ่งขึ้นกว่า 4,000% ภายในวันเดียว
Grayscale Investments ได้เผยรายงานประจำไตรมาสที่สองของปี 2020 โดยได้ระบุว่า นักลงทุนสถาบันได้ให้ความสนใจใน Bitcoin, Ethereum และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้นแม้ราคาของบิทคอยน์ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวมากนัก
Algorand (ALGO) พุ่งขึ้นกว่า 30% ในช่วงวันที่ผ่านมาหลังได้ถูกลิสต์ขึ้นซื้อขายบนเว็บไซต์เทรดคริปโตเคอเรนซี่ชื่อดังอย่าง Coinbase