ตลาดคริปโตครึ่งแรกของปี 2020 ส่วนใหญ่มีทิศทางราคาที่คล้ายกันคือขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ก่อนะจะเกิดวิกฤติโควิดจนราคาลงมาทำโลว์กันหมด
เครือข่ายบล็อกเชนแห่งชาติของจีนหรือที่รู้จักกันในชื่อ “ChinaChain” Blockchain Service Network (BSN) เตรียมบูรณาการรองรับการทำงานให้เข้ากับบล็อกเชนของ Ethereum และ Nervos Network
ชุมชนของ Ethereum ได้เปิดระดมทุนภายใต้ชื่อ Gitcoin Community Fund ได้ระดมบริจาคเพื่อนำเงินทุนไปใช้ในการอัพเกรดส่วนต่าง ๆ ที่ยังขาดเงินทุนในการพัฒนา
หนึ่งในผู้พัฒนา Ethereum นาย Danny Ryan ได้ให้ข้อมูลอัพเดทความคืบหน้าของ Ethereum 2.0 ผ่านบล็อกของทาง Ethereum เมื่อวันอังคารที่ผ่านมานี้
ปริมาณการทำธุรกรรมรายวันบนเน็ตเวิร์กของ Ethereum กลับมาคึกคักอีกครั้งด้วยกระแส Stablecoin และ DeFi นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่ามีนักขุดบางส่วนทำการรับส่งธุรกรรมเพื่อ Spam เน็ตเวิร์ก
ตลาดคริปโตเช้านี้ส่งแสงเขียวอ่อนๆให้เห็นโดยปรับตัวบวกขึ้นประมาณ 2-3% เช่นเดียวกับราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นสวนทางกับตลาดหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากความกังวลในการแพร่ระบาดรอบที่สองของไวรัสโควิดในหลายประเทศ
แม้การอัพเกรดครั้งนี้จะดูเหมือนเป็นการวางอนาคตที่สดใสให้แก่ระบบและคนในแวดวงของ Ethereum แต่มันก็อาจมีแง่ลบที่หลายคนอาจมองข้ามไปเช่นกัน
ConsenSys ประกาศว่าจะเปิดให้บริษัทคริปโตฯชื่อดังอย่าง Binance, Crypto.com, และอื่น ๆ เข้าร่วมทดสอบการทำ Staking บน ETH 2.0 ผ่านแพลตฟอร์ม Codefi
จำนวนกระเป๋าสตางค์ (Wallet) ที่มี Ethereum เก็บไว้มากกว่า 32 ETH ซึ่งเป็นจำนวนขั้นต่ำในการเป็นผู้ดูแลระบบ (Validator) ผ่านการ Staking ได้พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด ทะลุ 120,000 Addresses ไปแล้ว
การอัพเกรด Ethereum 2.0 นั้นมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจหลัก ๆ คือการเพิ่ม Scalability ให้แก่เน็ตเวิร์กเพื่อรองรับปริมาณการทำธุรกรรมที่มากขึ้นและการทำ Staking เพื่อได้รับส่วนแบ่งจากการเป็นผู้ดูแลระบบ