สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ชาวอเมริกันเริ่มที่จะนำเงินที่มีอยู่ไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นหุ้น ทองคำ หรือบิทคอยน์
ปัจจัยหลักมีผลมาจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารที่ลดลงต่ำเป็นประวัติการณ์ โดยนับตั้งแต่เมื่อกลางปี 2019 อัตราดอกเบี้ยเงินฝากได้ปรับตัวลดลงไปกว่าครึ่งหนึ่งในหลาย ๆ ธนาคาร ในขณะที่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่าอย่างเช่นบิทคอยน์ หุ้น และทองคำต่างให้ผลตอบแทนระดับเลขสองหลักนับตั้งแต่การเทขายครั้งใหญ่ในเดือนมีนาคม ส่งผลให้นักลงทุนจำนวนหนึ่งหันมาหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงเหล่านี้มากขึ้น
รายงานดังกล่าวยังได้ยกตัวอย่างชายวัย 28 ปีจากรัฐแคลิฟอร์เนียที่ได้นำเงิน 15,000 ดอลลาร์ในบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงของธนาคาร Ally Bank ไปลงทุนในบิทคอยน์ โดยเขาให้เหตุผลว่าเศรษฐกิจน่าจะกำลังเข้าสู่ภาวะตกต่ำในระยะยาว
จากกราฟจะเห็นได้ว่าสกุลเงินดอลลาร์กำลังอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่น ๆ ของโลก นอกจากนี้ข้อมูลของ Financial Time ยังชี้ให้เห็นว่าเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาถือเป็นเดือนที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงมากที่สุดในรอบทศวรรษเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ผลกระทบจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯทำการอัดฉีดเงินอย่างมหาศาลเพื่อที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวจากผลกระทบของไวรัสโควิดนั้นในระยะสั้นอาจช่วยพยุงสภาวะเศรษฐกิจไว้ได้ ได้แต่ในระยะยาวค่าเงินดอลลาร์จะค่อย ๆ อ่อนค่าลงในที่สุดจากจำนวนเงินดอลลาร์ที่มีล้นตลาดโลกมากจนเกินไป
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : สหรัฐฯพิมพ์เงินออกมามากกว่าที่เคยใช้ทั้งหมดในรอบสองร้อยปีภายในเดือนเดียว!