- ความสัมพันธ์ของ Bitcoin กับดัชนี Nasdaq Composite และ ดัชนี S&P 500 นั้น ไม่เพียงเหนียวแน่นที่สุดในช่วงเวลาที่ราคาตกลงเท่านั้น แต่ยังบ่อนทำลายบทบาทที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อด้วย
- ความสัมพันธ์เชิงลบของ Bitcoin กับผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อาจให้โอกาสนักลงทุนที่ต้องการบัลลาสต์สินทรัพย์ทั้งสองนี้ภายในพอร์ตลงทุน
Bitcoin อาจถูกเข้าใจผิดในทุกวันนี้ในฐานะตัวแทนของดัชนี Nasdaq 100 แทนที่จะเป็นทองคำเมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ของสินทรัพย์
ทั้งนี้ Bitcoin ได้รับการขนานนามว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี 2565 เป็นผลมาจากความคาดหวังของนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นโดยธนาคารกลางสหรัฐเพื่อต่อสู้กับระดับเงินเฟ้อสูงสุดในรอบสี่ทศวรรษ
โดยหากไม่เป็นเช่นนั้น การต่อสู้ของ Bitcoin ในช่วงหลังๆ สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนไหวต่อความรู้สึกของตลาดในวงกว้าง ซึ่งทำร้ายการอ้างว่าสามารถชดเชยราคาเงินเฟ้อที่กัดเซาะได้
ด้วยในแนวทางดังกล่าว ในขณะที่กระแสไหลไปยังทองคำเพิ่มขึ้น การถอนตัวที่คล้ายกันจาก Bitcoin ก็เป็นที่สังเกตเห็นได้เช่นกัน
แต่ที่ที่ Bitcoin ยังคงส่องแสงได้นั้นอยู่ในสินทรัพย์เสี่ยงประเภทนั้นซึ่งจะได้รับเมื่อนักลงทุนบีบคั้นน้ำผลไม้ที่เหลือจากการหมุนเวียนเป็นหุ้น “มูลค่า” ที่ต้องเผชิญกับวัฏจักรเศรษฐกิจมากขึ้น
ทั้งนี้ ในความเป็นจริง Bitcoin และตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะเดินในทิศทางเดียวกันในวันที่แย่ที่สุดของ S&P 500 และ Nasdaq Composite โดยในวันที่ตลาดมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนตัวออกไซด์เวย์ ผลตอบแทนมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดน้อยกว่า
ความเคลื่อนไหวข้างต้นจึงเปรีบบเสมือนวิทยานิพนธ์การลงทุนที่น่าสนใจใน Bitcoin เพราะวันข้างหน้ามีแนวโน้มที่จะผันผวนทั่วกระดานสำหรับสินทรัพย์ทั้งหมด
เมื่อพิจารณาว่าค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ 120 วันกับ Bitcoin และผลตอบแทนของตั๋วเงินคลังอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ อยู่ที่ -0.1 ซึ่งเป็นความสัมพันธ์เชิงลบที่บ่งชี้ว่าสินทรัพย์ทั้งสองมีการเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม
แม้ว่า Bitcoin อาจไม่ได้ทำหน้าที่ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อในตอนนี้ แต่ก็อาจส่งผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับพอร์ตโฟลิโอได้ เนื่องจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (เฟด) ได้ลดงบดุลลง 8.9 ล้านล้านดอลลาร์ในคลังและการจำนอง หลักทรัพย์ที่ได้รับการสนับสนุน