ถึงเวลานี้มีความชัดเจนแล้วว่านาย โจ ไบเดน ผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรคเดโมแครต กำลังจะได้ก้าวมาเป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐฯ สำหรับวงการคริปโตแล้วนั้นก่อให้เกิดคำถามว่าแนวโน้มของสกุลเงินดิจิทัลและ Bitcoin จะเป็นอย่างไรต่อไปหลังจากนี้?
สหรัฐฯภายใต้การบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับรีกันซึ่งเป็นพรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยม ไม่เคยพูดถึงนโยบายใดๆที่เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลออกมาสักครั้ง แม้จะมีกระแสข่าวว่าธนาคารกลางสหรัฐฯหรือ FED มีความพยายามที่จะศึกษาเรื่องของดิจิทัลดอลลาร์ แต่ก็ไม่ได้มีพัฒนาการที่ชัดเจนหรือความตั้งใจที่จะผลักดันออกมาใช้อย่างจริงจัง
พรรคเดโมแครตซึ่งเป็นพรรคสายเสรีนิยมมีนโยบายเปิดกว้างที่จะผลักดันสหรัฐฯให้มีความสัมพันธ์กับนานาประเทศจึงมีความเป็นไปได้ที่จะผลักดันสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) หรือดิจิทัลดอลลาร์ตามกระแสที่นานาชาติเริ่มมีการพัฒนาขึ้น เราจึงมีโอกาสได้เห็นพี่ใหญ่ของโลกอย่างสหรัฐฯเดินตามชาติอื่นในทางด้านเงินดิจิทัลเสียที
ในส่วนของบิทคอยน์ยังต้องติดตามว่าตัวแทนของพรรคเดโมแคตในสภาล่างและสภาบนจะมีการนำเสนอกฎหมายทางการเงินที่เอื้อต่อการสนับสนุนสกุลเงินดิจิทัลและบิทคอยน์หรือไม่ แต่คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผลักดันออกมาเพราะเสียงของพรรครีพับรีกันในสองสภาก็มีจำนวนใกล้เคียงกับพรรคเดโมแครต
อย่างไรก็ตามความผันผวนของราคาอาจจะลดลงเพราะ Twitter Effect ในยุคของทรัมป์นั้นน่าจะไม่ไปต่อในยุคของไบเดนที่น่าจะดำเนินนโยบายการสื่อสารกับชาติอื่นๆและประชาชนด้วยช่องทางและท่าทีที่เป็นปรกติมากกว่า
ทั้งนี้ ดัชนีชี้วัดสำคัญที่จะมีผลต่อบิทคอยน์อย่างชัดเจนก็คือค่าเงินดอลลาร์ หากในยุคของไบเดนการที่มันยังคงอ่อนค่าลงไปอีกจะส่งผลบวกต่อบิทคอยน์อย่างแน่นอน ต้องติดตามว่านโยบายเศรษฐกิจของไบเดนจะมุ่งเน้นให้เงินดอลลาร์แข็งค่าหรืออ่อนค่านับจากนี้
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : วุฒิสมาชิกคนใหม่ของสภาสหรัฐฯจะนำ Bitcoin เข้าสู่การสนทนาอย่างเป็นวงกว้าง
วิเคราะห์กราฟเทคนิค BTC
หลังขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดที่ 16,520 ดอลลาร์ BTC ก็เริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ เครื่องมือทางเทคนิคอย่าง RSI แสดงให้ห็นว่าหลังจากขึ้นไปจุดสูงสุด แนวโน้มเริ่มที่จะทำ Lower Low ลง บ่งบอกว่ากำลังจะเกิด Divergence ที่จะพลิกเป็นขาลงในระยะสั้น
หากมีการปรับฐานลง แนวรับแรกที่เป็นจุดซื้อคือเส้น Speed Line สีเหลืองที่ช่วยประคองภาพขาขึ้นในระยะสั้น แต่หากรับไม่อยู่จะมีแนวรับสำคัญที่ระดับ 13,850 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญที่เป็นจุดสูงสุดในรอบสามปีที่สามารถ Breakout ผ่านมาได้ก่อนหน้านี้
ข้อสังเกตุคือทุกครั้งที่ BTC ขึ้นไปแตะ RSI ที่ระดับสูงสุดจะมีการพักฐานลงมาทุกครั้ง เช่นเดียวกับหลังการ Breakout ครั้งสำคัญ BTC จะมีการพักฐานลงมาเคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์เพื่อสะสมพลัง จึงเป็นไปได้ว่าหากมีการพักฐานลงมาจริง BTC อาจเคลื่อนไหวไซด์เวย์ในกรอบ 13,850-16,250 ดอลลาร์
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : Bitcoin กำลังออกจากโหมด’ล่องหน’ ถึงเวลา Wall Street จะ FOMO?!
วิเคราะห์กราฟเทคนิค ETH
ETH ยังไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ 489 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในรอบสองปีกว่า ทำให้ยังไม่สามารถทำ Price Pattern แบบ Cup and Handle ซึ่งจะต้อง Breakout ผ่านแนวต้านนี้ในการทดสอบครั้งที่สอง ทำให้ระยะสั้นมีโอกาสที่จะพลิกปรับฐานลงระยะสั้น
หากมีการปรับฐานลง ETH จะมีแนวรับที่ 361 ดอลลาร์ ตามแนว Fibonacci หรืออาจจะใช้เส้น Speed Line สีเหลืองเป็นแนวรับ แต่หากสามารถ Breakout ไปได้จะมีแนวต้านระยะสั้นที่ 532 ดอลลาร์ตามแนว Fibonacci หากผ่านไปได้จะมีอีกแนวต้านที่ 808 ดอลลาร์
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : YFI เป็นเป้าหมายหลักสำหรับนักลงทุนสถาบันที่กำลังเข้ามาใน DeFi