วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายนนี้จะเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯซึ่งมีความสำคัญไม่เพียงแค่ในสหรัฐฯเองแต่มีความสำคัญต่อทั้งโลกรวมถึงการลงทุน เพราะนโยบายต่างๆที่ออกมาของผู้นำสหรัฐฯล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อภาวะการลงทุน
โดยเฉพาะช่วงก่อนที่จะเกิดการเลือกตั้งภายในระยะเวลาสามสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ตลาดการลงทุนอาจจะมีความผันผวนหนักเนื่องจากผลโพลที่ออกมาตลอดจนการแสดงความคิดเห็นของโดนัลด์ ทรัมป์ ในทางการเมืองพร้อมที่จะสร้างความผันผวนให้ตลาดได้เสมอ ดั่งเช่นสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
BTC ดูจะเป็นผู้นำตลาดจากการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ลดลงน้อยกว่าโทเคนสาย DeFi ที่ถูกเทขายอย่างหนักในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนจะฟื้นตัวในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะดัชนี Dollar Index เริ่มแสดงให้เห็นถึงการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์หลังจากแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลบวกต่อราคาบิทคอยน์และทองคำ
BTC ยังทำหน้าที่การเป็น Safe Haven ได้ดีจากการที่มีความผันผวนต่ำลงแม้หลายคนอาจไม่พอใจสิ่งนี้เพราะราคาแทบจะไม่มีความเคลื่อนไหว ต่างจากโทเคน DeFi ที่ผันผวนรุนแรงและดูจะผันแปรตามตลาดหุ้นสหรัฐฯมากกว่า BTC
แม้กราฟราคาของโทเคน DeFi จะเริ่มหยุดลงและทำ Lower Low แล้วและบางโทเคนกำลังทำ Higher High แต่หากไม่สามารถรับกับความผันผวนของตลาดในช่วงก่อนเลือกตั้งสหรัฐฯได้แนะนำว่า BTC คือทางเลือกที่เหมาะสมในช่วงเวลาจากนี้
วิเคราะห์กราฟเทคนิค BTC
BTC สามารถ Breakout เทรนด์ไลน์ขากด (เส้นสีเหลือง) ได้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาและสามารถผ่านแนวต้านแรก 11,150 ดอลลาร์ ไปได้ แต่ยังไม่สามารถผ่านอีกแนวต้านนั่นคือ 11,500 ดอลลาร์
ระยะสั้นที่ระดับราคา 11,150 ดอลลาร์จึงทำหน้าที่เป็นแนวรับ หากยังยืนอยู่ได้จะมีเป้าหมายแนวต้านที่ระดับ 12,000 และ 12,500 ดอลลาร์ ซึ่งหากผ่านไปได้จะมีเป้าหมายสำคัญคือแนว Fibonacci 161.8 ที่ระดับ 14,000 ดอลลาร์
BTC เริ่มมีการยก Low สูงขึ้นและมีการทำ Higher High แนวโน้มทางเทคนิคจึงมีความชัดเจนว่าต้องการที่จะเป็นขาขึ้น อย่างไรก็ตามต้องคุมความเสี่ยงให้อยู่หากสถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่คิด
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : วิวัฒนาการทางความคิดและหลักการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล
วิเคราะห์กราฟเทคนิค ETH
ETH ราคาเริ่มมีการยกตัวสูงขึ้นแล้วเช่นกัน แม้จะยังไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 378 ดอลลาร์ไปได้ ระยะสั้นแนวรับที่ควรรับอยู่จะอยู่ที่ระดับ 360 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านต่อไปที่จะต้องทดสอบคือระดับ 400 ดอลลาร์
ภาพใหญ่ของ ETH ยังสามารถประตองตัวเองอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นได้ โดยเป้าหมายสำคัญที่จะต้องไไปให้ถึงคือจุดสูงสุดเดิมของปีนี้ที่ 490 ดอลลาร์
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : ค่าธรรมเนียม Ethereum แพงต่อเนื่องหรือการคำนวนค่า Fee แบบใหม่จะเป็นคำตอบ?