ปี 2020 คงไม่ใช่ปีที่ดีในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน ยกเว้นคนนั้นจะลงทุนใน Bitcoin เพราะมันให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี (YTD) ที่ 120%!! จ่อครองแชมป์สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนรายปีดีที่สุดอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อพิจารณาจากผลตอบแทนมหาศาลและความแข็งแกร่งของราคา Bitcoin แล้วนั้น มันย่อมทำให้เหล่านักลงทุนสถาบันหรือพวก “Wall Street” ต้องชายตามองมาไม่มากก็น้อย
เวลาล่วงเลยผ่านมาเกือบ 12 ปีนับตั้งแต่ Genesis Block ที่ให้กำเนิด Bitcoin เหรียญแรกขึ้นมา มันผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านการปรามาศมาโดยตลอด แต่จนกระทั่งวันนี้ เจ้าเงินดิจิทัลก็ยังยืดหยัดอย่างแข็งแกร่งพร้อมจำนวนผู้ใช้ที่มากขึ้นอย่างก้าวกระโดดและ Ecosystem ที่ถูกสร้างมารองรับเงินคริปโตเคอเรนซี่อย่างไม่รู้จบ
ถ้าหากคุณได้อยู่ในเหตุการณ์ตลาดขาขึ้นเมื่อปี 2017 ที่ Bitcoin พุ่งขึ้นกว่า 2,000% ในเวลาแค่ปีเดียวแล้วคิดว่านั่นมันบ้ามาก ๆ แล้วล่ะก็ เราอยากบอกคุณว่านั่นมันเป็นแค่น้ำจิ้มจากเงินของเหล่านักลงทุนรายย่อยที่เกิดการ FOMO ในกระแส ICO เท่านั้น ลองจินตนาการดูว่าถ้าเหล่านักลงทุนรายใหญ่อย่าง Wall Street ที่มีเม็ดเงินมหาศาลหลักแสนล้านดอลลาร์เกิดอาการ FOMO ขึ้นบ้างจะเกิดอะไรขึ้นกับราคาของ Bitcoin?
แม้ในขณะนี้ที่ระดับราคา 16,000 ดอลลาร์ เหล่า Wall Street ทั้งหลายยังไม่ได้เข้ามามากนัก มีเพียงนักบุกเบิกอย่าง MircroStrategy, Square และ PayPal เท่านั้นที่อาสาเป็นแนวหน้าฝ่าเสียงวิจารณ์ แต่มันก็ได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขานั้นคิดไม่ผิด จากทั้งราคาของ Bitcoin ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและราคาหุ้นของบริษัทเหล่านี้ก็ได้พุ่งขึ้นเช่นเดียวกัน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณว่าพวกเขามาถูกทางแล้ว
คู่แฝด Winklevoss เจ้าของ Gemini Exchange ได้กล่าวไว้เมื่อเดือนที่แล้วว่า “เงินจาก Wall Street ยังไม่เข้ามา ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาราคา Bitcoin นั้นขึ้นลงด้วยฝีมือนักลงทุนรายย่อยล้วน ๆ แต่ตอนนี้เหล่ายักษ์ใหญ่ทางการเงินก็ได้ตื่นขึ้นแล้ว และสายตาของพวกมันก็จับจ้องมาที่ Bitcoin”
นักลงทุนและผู้บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์ชื่อดังอย่าง Paul Tudor Jones, Michale Saylor และ Stanley Druckenmiller ก็ได้ออกมาจับจองพื้นที่สื่อและกล่าวชม Bitcoin กันอย่างเปิดเผย
พวกเขารู้อะไรที่คนทั่วไปไม่รู้หรือเปล่า? หรือจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับ Bitcoin ที่ประชาชนคนหากินทั่วไปยังมองไม่เห็น?
นักวิเคราะห์ข้อมูล On-Chain ชื่อดังอย่าง Willy Woo ได้เผยว่า เหล่า Smart Money กำลังทยอยเก็บ Bitcoin เป็นจำนวนมากผ่านตลาด OTC (การซื้อขายแบบส่วนตัวไม่ผ่านกระดานเทรด) ซึ่งเห็นได้จากปริมาณการซื้อขายในแต่ละครั้งนั้นมีมูลค่ามากขึ้นกว่าปรกติเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า
และเศรษฐีเงินหนาเหล่านี้แตกต่างจากนักลงทุนแมงเม่าอย่างเรา ๆ ตรงที่พวกเขานั้นรู้จักกันหมด และมันเป็นไปไม่ได้เลยว่าพวกเขาจะไม่พูดคุยอวดกันว่าสามารถทำกำไรได้จาก “เงินบนอินเตอร์เน็ต” ได้ถึง 120% ในปีเดียวเวลาที่พวกเขาไปตีกอล์ฟหรือเลี้ยงสังสรรค์ในคลับส่วนตัว
ดังที่ก่อนหน้านี้เราได้ยกตัวอย่างไว้ว่า “ลองจินตนาการดูว่า หากคุณเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่และเห็น MicroStrategy ได้เข้าซื้อบิทคอยน์ไปเมื่อไม่ถึงสองเดือนที่แล้วแต่กลับได้กำไรกว่า 100 ล้านดอลลาร์จากราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะทำให้คุณและบริษัทอื่น ๆ เกิดอาการ FOMO ได้ขนาดไหน”
ขาขึ้นครั้งใหม่ของ Bitcoin จะรวดเร็วและรุนแรงในระดับที่ไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อน หากคุณยังไม่เคยเจอกับตลาดกระทิงของจริงแล้วล่ะก็ เราขอแนะนำให้อ่านบทความนี้เพื่อเปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่เพราะประสบการณ์จากช่วงตลาดขาลงนั้นมันใช้ไม่ได้กับช่วงตลาดขาขึ้น
อ่านเพิ่มเติม: 4 ข้อที่นักลงทุน Bitcoin ควรรู้ก่อนเจอกับตลาดกระทิงของจริง