ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา Bitcoin กลับมาคึกคักหลังการพุ่งขึ้นของราคามาแตะที่ระดับ 13,000 ดอลลาร์ แต่ตลาด Altcoin โดยเฉพาะผู้นำอย่าง Ethereum ยังดูเงียบเหงาอยู่ แม้จะเป็นหนึ่งในรายชื่อของเหรียญที่ทาง PayPal ประกาศรองรับด้วยเช่นกัน
ผู้ใช้กระเป๋าสตางค์ Hardware Wallet ยี่ห้อดังอย่าง Ledger ได้รับอีเมลหลอกลวงที่ปลอมเป็น Ledger เพื่อหลอกเอารหัสผ่านหรือแอบลงมัลแวร์ในเครื่องคอมพิวเตอร์
เหล่าธนาคารไม่สามารถปฏิเสธการมาของบิทคอยน์ได้อีกต่อไปหลังยักษ์ใหญ่วงการเพย์เมนท์อย่าง PayPal ได้ประกาศรองรับการซื้อขายและเก็บคริปโตเคอเรนซี่
นี่คือสามอินดิเคเตอร์สำคัญที่ช่วยชี้ว่าเหล่า Bitcoin HODLers ส่วนใหญ่มีกำไรหรือไม่ ตื่นตกใจอยู่หรือเปล่า และมีความสุขกับการลงทุนของพวกเขาไหม
แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งบริษัทเครือ Alibaba อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ในจีนได้กล่าวในงาน Bund Summit ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ว่า “เงินดิจิทัล” คืออนาคตที่จะกำหนดทิศทางระบบการเงินของโลกใบนี้
เมื่อปีนี้ดำเนินมาถึงช่วงโค้งสุดท้าย อะไร ๆ ก็ดูจะกระจ่างขึ้น เมื่อภาคธุรกิจและการลงทุนได้แสดงความแข็งแกร่งและอ่อนแอสะท้อนออกมาผ่านทางราคา
รายงานล่าสุดจากฝ่าย Global Market Strategy ของ JP Morgan ได้เผยสามเหตุผลว่าทำไม Bitcoin ถึงมีศักยภาพจะเป็นขาขึ้นได้ในระยะยาว
นาย Wu Zhongze อดีต รมต.ช่วยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีนเชื่อว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนยังพึ่งอยู่ในช่วงตั้งไข่และสามารถพัฒนาไปได้อีกไกล
เทรนด์ราคาล่าสุดของ Bitcoin ที่สามารถขึ้นทะลุแนวต้าน 12,000 และ 12,500 ดอลลาร์ได้สำเร็จส่งผลให้เกิดการฟอร์มแพทเทิร์น Head and Shoulders กลับหัวในไทม์เฟรมระยะยาว
วอลุ่มการซื้อขายบน DEX ที่ทำงานบนบล็อกเชนของ Ethereum เหือดแห้งในเดือนตุลาคมนี้ ลดลงกว่า 41% ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา แต่ปัจจัยพื้นฐานยังคงแข็งแกร่งและมีโอกาสไปต่อ