- ค่าเงินดอลลาร์กำลังหนุนการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯ ตกต่ำตามไปด้วย
- อย่างน้อยที่สุดในตอนนี้ นักลงทุนยังไม่ได้เรียกจุดสูงสุดของการปรับขึ้นค่าเงินดอลลาร์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเดิมพันเมื่อสิ้นปี 2564 ที่ค่าเงินดอลลาร์ถึงจุดสูงสุดได้ถูกบ่อนทำลายอย่างทั่วถึง
แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะทำให้การนำเข้าสำหรับชาวอเมริกันถูกกว่า แต่แทบไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามันเป็นเสียงคำรามของห่วงโซ่อุปทานและการรุกรานยูเครนของรัสเซียได้เพิ่มแรงกดดันด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์และเชื้อเพลิง
แต่ด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และหนี้นอกชายฝั่งทั่วโลกจำนวนมากในสกุลเงินดอลลาร์ – เงินดอลลาร์กำลังส่งพลังให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวซึ่งจะทำให้สหรัฐตกต่ำตามไปด้วย
ดัชนี Bloomberg Dollar Spot Index ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ 7% ตั้งแต่เดือนมกราคมสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เริ่มดำเนินการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งที่สุดในรอบกว่าสองทศวรรษ
แม้ว่าจะมีเหตุผลว่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นน่าจะช่วยให้ราคาเฟดเย็นลงและสนับสนุนอุปสงค์ของสินค้าต่างประเทศของอเมริกา แต่ก็ยังเพิ่มวัตถุดิบและราคาป้อนของวัตถุดิบในกระบวนการผลิตที่รั่วไหลเข้าสู่การนำเข้าของสหรัฐอยู่ดี
แต่ที่มันช่วยได้สำหรับนักลงทุนทั่วโลกที่มีสินทรัพย์สัญชาติอเมริกันแลและได้เห็นคุณค่าของการลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์แล้ว มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินในประเทศของตน
เงินยูโรแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และตอนนี้ฟรังก์สวิสอยู่ที่ระดับเดียวกับดอลลาร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2019
ประเทศอื่น ๆ ก็ต้องตอบสนองต่อค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ฮ่องกงต้องเข้าไปแทรกแซงเพื่อตรึงค่าเงิน ในขณะที่มาเลเซียและอินเดียประหลาดใจกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นไม่แน่นอน และการรวมกันของการชะลอตัวของการเติบโตของสหรัฐและการชะลอตัวของเงินเฟ้อที่คาดว่าจะทำให้นักลงทุนที่ซื้อสินทรัพย์ของสหรัฐในขณะนี้อาจพบว่าตัวเองมีความสัมพันธ์กับสกุลเงินของตนเองน้อยลงเมื่อพบจุดสมดุลในที่สุด
อย่างน้อยที่สุด ณ ตอนนี้ นักลงทุนยังไม่ได้เรียกจุดสูงสุดของการปรับขึ้นค่าเงินดอลลาร์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเดิมพันเมื่อสิ้นปี 2564 ที่ค่าเงินดอลลาร์ถึงจุดสูงสุดได้ถูกบ่อนทำลายอย่างทั่วถึง
และเนื่องจากฐานเศรษฐกิจที่อ่อนแอกว่าซึ่งส่วนอื่นๆ ของโลกทำงานเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ความต้องการสินทรัพย์ดอลลาร์มีแนวโน้มที่จะป้อนเข้าสู่วงจรป้อนกลับที่เกิดขึ้นเอง เว้นแต่และจนกว่าเศรษฐกิจโลกส่วนที่เหลือจะฟื้นคืนสภาพเดิม