- Cardano เพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้ ทำให้มีนักลงทุนบางราย รวมถึงนักลงทุนในระดับสถาบันพากันสงสัยว่าพวกเขาควรจะดูสกุลเงินดิจิทัลอย่างใกล้ชิดมากขึ้นหรือไม่
- Cardano มีมาตั้งแต่ปี 2015 แต่การพัฒนาบนบล็อกเชนนั้นทำได้น้อยที่สุดทำให้มีการเก็งกำไรมากขึ้นคล้ายกับการลงทุนใน GameStop (+ 3.24%)
ในขณะที่ Bitcoin และ Ether ทะยานขึ้นสู่ระดับราคาสูงสุดระลอกใหม่ (โดย Ether ยังคงอยู่ในระดับสูงสุดตลอดกาล แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อคุณผู้อ่านอ่านบทความนี้) แม้แต่ผู้ที่เข้าใจคริปโตเคอเรนซีก็หันมาใช้“ ภูมิปัญญาของฝูงชน” เพื่อค้นหาโอกาส ในสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ กันทั่วหน้า
โดยสัปดาห์ที่แล้ว Mike Novogratz แห่ง Galaxy Digital ได้ขอความเห็นจากผู้ติดตามใน Twitter (-0.47%) เพื่อขอให้ผู้ติดตามอธิบายกรณีการใช้งาน Cardano และควรพิจารณาว่าควรค่าแก่การพิจารณาหรือไม่
ทั้งนี้ Cardano เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่เน้นความเป็นส่วนตัวซึ่งใช้วิธี “proof-of-stake” เพื่อรักษาความปลอดภัยบล็อกเชน โดยมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
สำหรับ การ “Proof-of-stake” นี้ ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนทางแห่งอนาคตสำหรับสกุลเงินดิจิทัล เนื่องจากช่วยให้บล็อกเชนได้รับการรักษาความปลอดภัยโดยไม่ต้องพึ่งพาวิธีการขุดคริปโตเคอเรนซี (ที่ถูกกล่าวหาว่าสิ้นเปลือง) โดยการขุดต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะทำให้ต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามหาศาล
ท่ามกลางสถานการณ์ที่นักลงทุนจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันเริ่มลุยลงมาลงทุนในบิทคอยน์ นักธุรกิจมหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์อย่าง Bill Gates ได้ชี้ให้เห็นว่า บิทคอยน์อาจสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมได้อันเป็นผลมาจากการใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมากเพื่อรักษาความปลอดภัยของบล็อกเชนและอาจส่งผลกระทบต่อ ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล) ซึ่งเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหวต่อนักลงทุนสถาบันจำนวนมาก
นั่นทำให้ ผู้สนับสนุน Cardano ได้ใช้คุณสมบัติดังกล่าวเป็นพื้นฐานในการผลักดันราคา Cardano ให้สูงขึ้น
Cardano มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 6 เท่าตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา แซงหน้าคู่แข่งสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ เป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังขาดฟังก์ชั่นมากมายที่คู่แข่งมีและทำให้คู่แข่งที่เป็นที่ยอมรับมากกว่า
อย่างไรก็ตาม กรณีของ หุ้นของ GameStop ที่แสดงให้เห็นในปีที่ผ่านมานี้ เป็นสิ่งที่ไม่ควรมีผลกระทบสำคัญต่อการที่ Cardano จะดึงดูดแฟน ๆ ที่ภักดีใน Reddit ซึ่งช่วยผลักดันสกุลเงินดิจิทัลให้สูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
ขณะเดียวกัน แม้จะมีการอัปเกรดในเดือนมีนาคมปีนี้ แต่ Cardano ซึ่งมีมาตั้งแต่ปี 2015 (ตลอดอายุการใช้งานตามมาตรฐานสกุลเงินดิจิทัล) ก็ยังไม่สามารถใช้งานบนแอปพลิเคชันยอดนิยมจำนวนมาก เช่น DeFi ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของ Ethereum ได้
แม้กระทั่งฟังก์ชัน smart contract ซึ่ง Ethereum ใช้งานมาระยะหนึ่งแล้วก็ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ
Cardano เคยไต่ขึ้นแตะระดับสูงสุดในช่วงต้นปี 2018 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของการเติบโตของสกุลเงินดิจิทัลและล้มเหลวจนลืมไม่ลงไม่นานหลังจากนั้น
และแม้จะถูกขนามนามในฐานะ“ Ethereum ที่ดีกว่า” แต่ก็เป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ยุติธรรมและไม่ฉลาดสักเท่าไรนัก
เพราะ Ethereum ได้ก้าวกระโดดไปข้างหน้านำ Cardano ไปแล้ว ด้วยการเป็นบล็อกเชนเริ่มต้นสำหรับการใช้งาน stablecoin และด้วยนวัตกรรมจาก DeFi ไปจนถึง non-fungible tokens หรือ NFT ซึ่งได้สร้างกระแสในโลกศิลปะดิจิทัล (และทางกายภาพ)
กระนั้น เป็นที่น่าเสียดายว่า Ethereum กลายเป็นเหยื่อของความสำเร็จของตัวเองด้วยค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้นักพัฒนาบางรายมองไปที่เครือข่ายทางเลือกเช่น Tron, Polkadot และแน่นอน Cardano
ปัญหาเกี่ยวกับทางเลือกอื่นอีกอย่างก็คือ Ethereum มีเอฟเฟกต์เครือข่ายขนาดใหญ่อยู่แล้ว – ทุกคนอยู่บนนั้น
และนักพัฒนาหลักของ Ethereum ยังทำงานเพื่อสร้างระบบค่าธรรมเนียมใหม่ที่จะช่วยลดค่าธรรมเนียมเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นปัญหาของผู้ใช้และนักพัฒนาแอปพลิเคชันของ Ethereum มานานแล้ว
การเพิ่มขึ้นล่าสุดของ Cardano ยังเป็นหลักฐานเพิ่มเติมว่าความนิยมของสกุลเงินดิจิทัลได้เข้าสู่ช่วงใหม่ แต่ก็ต้องลองดูกันต่อไปว่า Cardano จะกลายเป็นนักฆ่า Ethereum หรือไม่ก็อาจเป็นแค่การเก็งกำไรมากกว่า
PATRICK TAN – SCN CONTRIBUTOR
CEO ของ Novum Alpha บริษัทซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำที่ใช้เครื่อง Deep Learning ในการสร้างผลตอบแทนในรูปสกุลเงินดอลลาร์ในทุกสภาพเงื่อนไขของตลาด