Crypto.com และ The Economist ร่วมกันทำแบบสอบถามไปยังผู้คนจำนวน 3,000 คน ในหัวข้อเรื่องเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล พบว่าคนส่วนใหญ่ให้ความเชื่อใจในสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางหรือ CBDC มากกว่าเงินดิจิทัลที่อยู่บนระบบกระจายศูนย์ (Decentralized) อย่างคริปโตเคอเรนซี่ แสดงให้เห็นว่าคนทั่วไปยังเชื่อมั่นในรัฐบาลของตนมากกว่าที่จะเชื่อในระบบเปิดอย่างคริปโตฯ
จากผลการสำรวจพบว่า คน 38% เห็นว่าเงินดิจิทัลที่อยู่บนระบบกระจายศูนย์ไม่น่าไว้ใจ ขณะที่อีก 26% มีความไว้ใจในเงินดิจิทัลที่อยู่บนระบบกระจายศูนย์ อีก 25% มีความเห็นเป็นกลาง ส่วน 11% ไม่ออกความเห็น
ขณะที่ 54% ให้ความเชื่อใจในสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยรัฐบาลหรือธนาคารกลาง (CBDC) โดยมีเพียง 14% ที่ไม่ไว้ใจในเงิน CBDC และ 23% มีความเห็นเป็นกลาง ในขณะที่มีคนเพียงส่วนน้อย หรือ 9% ที่ไม่รู้จัก CBDC
Eric Anziani ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการณ์ของ crypto.com กล่าวว่า
“ปัจจุบันเรื่องของ CBDC ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้นในสื่อกระแสหลัก อุตสาหกรรมเงินคริปโตฯควรใช้โอกาสนี้ในการชักชวนให้คนหันมาสนใจ โดยต้องปรับปรุงเรื่องของความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ความปลอดภัย และการให้ความรู้ อันเป็นสามปัจจัยที่จะผลักดันอุตสาหกรรมเงินดิจิทัลให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้นในวงกว้าง”
ขณะที่ข้อมูลอื่น ๆ จากผลการสำรวจได้ผลว่า ผู้คน 40% มีความเชื่อมั่นในสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยสถาบันการเงินขนาดใหญ่ 36% เชื่อมั่นในสกุลเงินดิจิทัลที่มาจากบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ โดยอีก 29% มีความเห็นเป็นกลาง และอีก 23% ไม่เชื่อใจในสกุลเงินดิจิทัลที่ออกจากทั้งสถาบันการเงินและบริษัทเทคโนโลยี
นาย Anziani ยังให้ความเห็นอีกว่า “เราค่อนข้างประหลาดใจที่ผลสำรวจอกมาพบว่า 85% ของผู้ตอบแบบสอบถามรู้จักสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่เราคิดไว้มาก”
นอกจากนี้ผู้ตอบแบบสอบถาม 34% มองว่าสกุลเงินดิจิทัลควรใช้สำหรับการชำระเงินออนไลน์ อีก 24% มองว่าเงินดิจิทัลเป็นเพียงช่องทางการทำเงินระยะสั้น มีคน 21% มองว่าสกุลเงินดิจิทัลมักถูกใช้เป็นเครื่องมือของการฉ้อโกงและผิดกฎหมาย และอีก 20% เชื่อว่าหน้าที่หลักของเงินดิจิทัลคือการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven)
คนจากประเทศพัฒนาแล้วครอบครองเงินดิจิทัลมากกว่า
การสำรวจครั้งนี้ครอบคลุมจำนวน 3,048 คน ครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามอาศัยอยู่ในประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ขณะที่อีกครึ่งหนึ่งมาจากประเทศกำลังพัฒนาอย่างบราซิล ตุรกี เวียตนาม แอฟริกาใต้ และฟิลิปปินส์
โดย 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีอายุระหว่าง 18 – 38 ปี โดยอีก 40% มีอายุ 39 ปีหรือแก่กว่า และ 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามเป็นผู้ชาย ขณะที่อีก 40% เป็นผู้หญิง ครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามมีฐานรายได้มากกว่าค่าเฉลี่ย และ 40% จบการศึกษาระดับวิทยาลัย ทั้งหมดของผู้ตอบแบบสอบถามเคยซื้อของหรือชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์มาก่อน
การสำรวจยังพบว่ามีช่องว่างของการลงทุนในเงินดิจิทัล โดย 23% ของผู้ที่มาจากประเทศพัฒนามีเงินดิจิทัลในครอบครอง ขณะที่ 19% ของผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศกำลังพัฒนามีเงินดิจิทัลในครอบครอง
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : ธนาคารกลางจีนยืนยัน หยวนดิจิทัล มีเสถียรภาพมากกว่าบิทคอยน์
