แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งบริษัทเครือ Alibaba อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ในจีนได้กล่าวในงาน Bund Summit ที่เมืองเซี่ยงไฮ้เมื่อวานนี้ว่า “เงินดิจิทัล” คืออนาคตที่จะกำหนดทิศทางระบบการเงินของโลกใบนี้
อ้างอิงจากรายงานของ Bloomberg มหาเศรษฐีชาวจีน แจ็ค หม่า เผยว่า “เงินดิจิทัลมีศักยภาพในการสร้างมูลค่าได้ และเราควรเร่งพิจารณาว่าจะสร้างระบบการเงินรูปแบบใหม่ผ่านเงินดิจิทัลได้อย่างไร”
อย่างไรก็ตาม มันเป็นที่ถกเถียงว่า “เงินดิจิทัล” ที่เขาพูดถึงนั้นหมายถึงอะไรกันแน่? เมื่อ CZ ซีอีโอของ Binance ได้ทำการทวีตชื่นชมว่ามันเป็นการกล่าวสุนทรพจน์ที่ยอดเยี่ยม และแจ็ค หม่า ได้พูดถึง “คริปโตเคอเรนซี่” และอนาคตของมัน
แต่นาย Vitalik Buterin ผู้ก่อตั้ง Ethereum ก็ได้เข้ามาเบรคไว้และถามย้ำกับ CZ ให้แน่ใจว่า “เงินดิจิทัล” ที่นายหม่าพูดถึงนั้นหมายถึง เงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) หรือเงินคริปโตเคอเรนซี่อย่าง Bitcoin กันแน่
CZ ได้ชี้ว่า “แม้คำที่นายหม่าเลือกใช้เมื่อแปลตรงตัวแล้วจะหมายถึง เงินดิจิทัล แต่ในบริบทสามารถตีความได้หลายอย่าง และนั่นก็อาจเป็นความพยายามของเขาที่จะไม่พูดถึงเงินคริปโตโดยตรงเพราะอาจมีปัญหากับทางการได้ อย่างไรก็ตาม มันเป็นคำกล่าวสุนทรพจน์ที่ดีมากและผมชื่นชมเขาจริง ๆ”
มันมีความเป็นไปได้ทั้งสองทางว่าแจ็ค หม่า จะพูดถึงเงินคริปโตอย่าง Bitcoin ที่จีนก็เป็นผู้นำในด้านการขุด หรือจะเป็นเงินดิจิทัลหยวนที่ทางการจีนกำลังเร่งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ มหาเศรษฐี Alibaba ยังได้กล่าวถึงความตกลงบาเซิล (Basel Accords) ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือและข้อตกลงของเหล่าธนาคารกลางทั่วโลกที่จัดตั้งขึ้นในปี 2010 ว่ามันล้าหลังและไม่ทันต่อยุคสมัย เปรียบเหมือนเป็น “แหล่งชุมนุมของคนแก่ตกยุค” และ “ไม่คำนึงถึงโอกาสของคนรุ่นใหม่และการที่ประเทศกำลังพัฒนาจะก้าวขึ้นมาได้จากเทคโนโลยีใหม่ ๆ”
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: ปี 2020 สุดปังสำหรับคริปโตและบริษัทเทคโนโลยี ขณะที่ธนาคารร่วงยาว