- รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา แทบจะทุกสินทรัพย์โดนทุบร่วงแรง ทำให้ดูเหมือนว่าตลาดในช่วงนี้จะเป็นช่วงขาลงสำหรับทุกคน
- การกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนในท้ายที่สุดพิสูจน์ได้ว่าไร้ประโยชน์เมื่อหุ้น พันธบัตร ทองคำและน้ำมันร่วงลงในสิ้นสัปดาห์อย่างน่าสยดสยอง
ให้ลืมวิธีการจัดสรรพอร์ทลงทุนทั่วไปที่ 60/40 ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างหุ้นกับบอนด์ไปได้เลย เพราะท่ามกลางปัญหามากมาย นักลงทุนพบว่าพวกเขาไม่มีที่ซ่อนและไม่มีสินทรัพย์ให้พึ่งพาเพื่อหนุนพอร์ตที่เสียหาย
ในสัปดาห์ที่นักลงทุนส่วนใหญ่แทบไม่อยากจะจดจำ การเติบโตกับมูลค่าหุ้นโดนทุบอย่างแรง ที่ซึ่งการเติบโตในขณะที่อัตราผลตอบแทนที่เพิ่มสูงขึ้นและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ในห้วงเวลาที่ให้ความสำคัญกับความเป็นไปได้ที่นโยบายที่เข้มงวดมากเกินไปอาจทำให้เศรษฐกิจถดถอยได้
สินทรัพย์กลุ่มพิเศษเพื่อการเติบโตอย่าง ARK Innovation ETF มูลค่าหายไปประมาณ 11% ในสัปดาห์นี้เพียงลำพังในขณะที่ตะกร้าหุ้นระยะยาว (มูลค่า) ของ Goldman Sachs ร่วงลงประมาณ 10%
และบรรดานักลงทุนต่างหวังว่าพันธบัตรดังกล่าวอาจเพิ่มบัลลาสต์บางส่วนให้กับพอร์ตการลงทุนของพวกเขา หลังพบว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้น ที่อ่อนไหวต่อการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากที่สุด ต้องเผชิญกับการเทขายอย่างรุนแรง ทำให้ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็น 2.78% ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เฟดครั้งล่าสุดขู่ว่าจะตึงตัวเมื่อสิ้นปี 2018.
แม้แต่สินค้าโภคภัณฑ์ก็ไม่เว้น ทั้งทองคำและน้ำมันที่กำลังทรุดตัว น้ำมันจากความเป็นไปได้ที่การล็อกดาวน์จากการระบาดใหญ่ของจีนจะทำให้อุปสงค์ลดลง และทองคำก็เพราะผลตอบแทนพุ่งสูงขึ้น
อุตสาหกรรมโลหะเห็นว่าการเพิ่มขึ้นในระดับปานกลาง เช่นเดียวกับเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงต่อภาวะถดถอยมากขึ้น
ในขณะเดียวกัน เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอุตสาหกรรมหลักอื่นๆ แสดงให้เห็นว่านักลงทุนที่กระวนกระวายใจในตอนนี้ พวกเขาเชื่อว่าเงินของพวกเขาปลอดภัยกว่าเมื่ออยู่บนที่นอน
ดังนั้นนักลงทุนควรซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่มหรือไม่?
เมื่อพิจารณาถึงความไม่แน่นอนของแนวโน้มในขณะนี้ มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะมีอารมณ์ซื้อและเมื่อพิจารณาว่าตลาดสามารถฟื้นตัวได้เร็วเพียงใด มันจะเป็นจิตวิญญาณที่กล้าหาญ (หรือโง่เขลา) ที่จะชอร์ตตลาด
ทั้งนี้ แทนที่จะตอบสนองต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน นักลงทุนควรมองในระยะยาวว่าเศรษฐกิจโลกจะไปทางไหนต่อไป และแนวโน้มที่จะได้ผลประโยชน์จากเศรษฐกิจหลังภาวะเงินเฟ้อจะเป็นอย่างไร
โลกจะหันหลังให้กับโลกาภิวัตน์อย่างที่เคยเป็นมาในประวัติศาสตร์หลายสมัยหรือไม่?
อาจเป็นไปได้ แต่มีแนวโน้มมากกว่าที่โลกจะมีการแบ่งขั้วมากขึ้นรอบสองศูนย์ และตามประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็น ระบอบเสรีประชาธิปไตยมีแนวโน้มที่จะมีชัยเมื่อพวกเขาตื่นขึ้นจากการหลับใหล
หลายภาคส่วนดูเหมือนว่าพวกเขาสามารถทำได้ดีโดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป เพราะโลกดูไม่แน่นอนมากกว่าที่เคยเป็นเมื่อสองปีที่แล้ว และนั่นคือแม้เมื่อเราต้องเผชิญกับศัตรูที่มองไม่เห็นซึ่งกำลังฆ่าเรา
ในบรรดาภาคส่วนเหล่านั้น ผู้รับเหมาด้านการป้องกันประเทศที่หลับใหลมานานหลายทศวรรษดูเหมือนจะทำกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากหลายประเทศให้คำมั่นที่จะทุ่มเงินเพื่อซื้ออาวุธ ตั้งแต่เยอรมนีไปจนถึงญี่ปุ่น
ผู้ผลิตชิปจะกลายเป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ ดังนั้นคาดว่าพวกเขาจะผูกขาดมากขึ้น และการผลิตไฟฟ้าของยานพาหนะจะดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อทำให้โลกเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่ใช้คาร์บอน ซึ่งช่วยให้รัฐบาลเผด็จการสามารถเรียกค่าไถ่ส่วนที่เหลือของโลกได้
