- ข้อมูลจาก Goldman Sachs ระบุว่ามีการซื้อคืนหุ้นใหม่เป็นประวัติการณ์ถึง 319,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จนถึงปีนี้ โดยบริษัทหลายแห่งใช้ข้อตกลงเร่งรัดเพื่อซื้อปริมาณมากโดยเร็วที่สุดเมื่อราคาหุ้นร่วงลง
- ขณะที่รายงานประจำไตรมาสแรกของบริษัททั้งหลายจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์อันใกล้นี้ บริษัทต่างๆ อาจแสวงหาโอกาสในนาทีสุดท้ายในการเพิ่มผลกำไรต่อหุ้น และนักลงทุนที่กำลังมองหาเงินสดออกอาจพบว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะขายเพื่อนำเงินออกมาใช้
ในขณะที่นักลงทุนถูกวิพากษ์วิจารณ์จากตลาดที่เผชิญกับปัญหาต่างๆ ตั้งแต่การรุกรานยูเครนของรัสเซียอย่างต่อเนื่องไปจนถึงนโยบายการเงินที่เข้มงวด บริษัทต่างๆ ของอเมริกากำลังใช้โอกาสในการ “ซื้อหุ้น” ของตนเอง เพื่อพยายามเสริมความเชื่อมั่นในขณะที่การเติบโตเป็นไปอย่างเชื่องช้า
ข้อมูลจาก Goldman Sachs ระบุว่ามีการซื้อคืนหุ้นใหม่เป็นประวัติการณ์ถึง 319,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จนถึงปีนี้ โดยบริษัทหลายแห่งใช้ข้อตกลงเร่งรัดเพื่อซื้อปริมาณมากโดยเร็วที่สุดเมื่อราคาหุ้นร่วงลง
นอกจากนี้ ในการเปรียบเทียบ ในเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว มีการซื้อคืนหุ้นเพียง 267,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากตัวตลาดเองก็มีกำลังซื้อจำนวนมาก
สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือบริษัทจดทะเบียนเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งมักจะถือเงินสดไว้เพื่อกระตุ้นการเติบโต ได้คืนส่วนเกินให้ผู้ถือหุ้น หลังจากที่ราคาหุ้นร่วงลงอย่างรวดเร็วหลังจากตีตลาดสาธารณะ ทำให้การซื้อคืนดูน่าสนใจยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ การซื้อคืนหุ้นมักไม่ถูกนำมาใช้เพื่อสนับสนุนความต้องการหุ้นและเพิ่มความสามารถในการทำกำไรโดยพิจารณาจากรายได้ต่อหุ้นเท่านั้น โดยการลดจำนวนหุ้นหมุนเวียน ซึ่งอาจทำให้เข้าใจผิดเช่นกันเนื่องจากผลกำไรและการเติบโตที่ช้าทั่วทั้งกระดาน
การเติบโตของรายได้คาดว่าจะชะลอตัวลงเนื่องจากบริษัทต่างๆ ต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ค่าจ้างที่สูงขึ้น และปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งเพิ่มความน่าสนใจของการซื้อคืนหุ้นเพื่อเสริมรายได้ของพวกเขา
แต่ในทางกลับกัน ก็ยังชี้ให้เห็นว่าบริษัทต่างๆ มีความมั่นใจในอนาคตของพวกเขา โดยใช้เงินสดเพื่อซื้อคืนหุ้น แทนที่จะเก็บไว้ในหนังสือของพวกเขาสำหรับเวลาที่น้อยลงในอนาคต
เพื่อให้แน่ใจว่าการอนุมัติการซื้อคืนหุ้นมักจะไม่เปิดตัวในทันที และอาจใช้เวลาหลายปีในการดำเนินการ แต่หลายบริษัทกำลังเลือกใช้ความยืดหยุ่นเพื่อให้มีตัวเลือกดังกล่าวได้ในทันที
ขณะที่รายงานประจำไตรมาสแรกของบริษัททั้งหลายจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์อันใกล้นี้ บริษัทต่างๆ อาจแสวงหาโอกาสในนาทีสุดท้ายในการเพิ่มผลกำไรต่อหุ้น และนักลงทุนที่กำลังมองหาเงินสดออกอาจพบว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะขายเพื่อนำเงินออกมาใช้