เจนเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ คนใหม่ออกโรงเตือน ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้เฝ้าจับตามองสกุลเงินดิจิทัลหลังมีความเสี่ยงถูกนำไปในใช้งานในทางที่ผิดมากขึ้นจนส่งผลเสี่ยงต่อระบบการเงินโดยรวม
ขณะเดียวกัน เยลเลนยังได้แนะนำให้นำเทคโนโลยีการเงินใหม่ๆ ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันการฉ้อโกงในสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ามาใช้เพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว
ทั้งนี้ รายงานระบุว่า ในขณะที่สกุลเงินดิจิทัลแพร่หลายมากขึ้น ก็มี “มิจฉาชีพ” ส่วหนึ่งใช้สิ่งเหล่านี้เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย โดยใช้ประโยชน์จากการที่ระบบบล็อกเชนช่วยปกปิดตัวตนของผู้ใช้งานทำให้ คริปโตเคอร์เรนซี กลายเป็นทางเลือกของอาชญากรเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ฟินเทคใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นกลายเป็นตัวช่วยสำคัญในการตรวจสอบป้องกันความเคลื่อนไหวของคริปโตเคอร์เรนซี รวมถึงระบุอัตลักษณ์ควาเป็นเจ้าของวอลเล็ท ซึ่งจะแก้ปัญหาอาชญากรรมเหล่านี้ได้
ยกตัวอย่างล่าสุด กรณี Kucoin cryptoexchange ที่ถูกมือดีลอบเจาะระบบฉกเงิน 281 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็สามารถกู้เงินที่ถูกขโมยไปได้คืนมาประมาณ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยความช่วยเหลือของฟินเทคใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อระบุความเป็นเจ้าของและเส้นทางของสกุลเงินดิจิทัล อีกทั้ง การเป็นหุ้นส่วนระดับโลกในกลุ่ม crypto exchanges ยังช่วยในการต่อสู้กับอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลได้
นอกจากนี้ เยลเลน ยังกล่าวอีกว่า พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ฉบับใหม่ที่มีผลบังคับใช้ไปเมื่อเดือนธันวาคม 2020 จะช่วยสร้างกรอบการทำงานใหม่เพื่อต่อกรกับการจัดหาเงินทุนที่ผิดกฎหมาย โดยภายใต้กฎหมายฉบับใหม่ได้เพิ่มบทลงโทษมากขึ้น พร้อมข้อกำหนดการรายงานที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัล
แน่นอนว่า กฎระเบียบเพื่อกำกับดูแลสกุลเงินดิจิทัลจะช่วยสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในการที่จะนำสกุลเงินดิจิทัลไปใช้ในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม ก็ต้องไม่เข้มงวดเกินไปจนไปยับยั้งนวัตกรรมใหม่ทางการเงินที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นับเป็นเส้นแบ่งที่หน่วยงานกำกับดูแลต้องใส่ใจและระมัดระวัง
