ตลาดซื้อขายเงินดิจิตอลที่อยู่ในสภาวะหมีมายาวนาน หนึ่งในวิธีที่จะกระตุ้นการลงทุนในสกุลเงินดิจิตอลให้กลับมาคึกคักอีกครั้งนั่นคือเครื่องมือการลงทุนรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะเครื่องมือที่เคยใช้กับการลงทุนแบบดั้งเดิมได้ถูกนำมาต่อยอดกับการลงทุนในสกุลเงินดิจิตอลไปดูกันว่ามีเครื่องมือใดบ้างที่สามารถเข้ามาช่วยให้นักลงทุนรายย่อยประสบความสำเร็จในการลงทุนy
บิทคอยน์ฟิวเจอร์ส
สองปีที่แล้ว CME และ CBOE ตลาดซื้อขายตราสารอนุพันธ์ระดับโลกได้เปิดให้บริการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ประเภทฟิวเจอร์สที่มีบิทคอยน์เป็นสินทรัพย์อ้างอิง เป็นครั้งแรก ทำให้นักลงทุนตลาดอนุพันธ์ทั่วไปสามารถเข้าถึงโปรดักต์อย่างบิทคอยน์ได้ รวมถึงสามารถซื้อขายได้ทั้งขาขึ้นและขาลง (ปัจจุบันตลาด CBOE ยกเลิกบริการดังกล่าวแล้ว)
ล่าสุดเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา Intercontinental Exchange (ICE) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของ NewYork Stock Exchange ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มซื้อขายบิทคอยน์ฟิวเจอร์สภายใต้ชื่อ Bakkt
โดยชูจุดคือผู้ลงทุนได้ถือครองบิทคอยน์จริงๆ ต่างจาก CME ที่ซื้อขายเพียงสัญญาล่วงหน้า รวมถึงได้รับการรองรับทางกฎหมายจาก New York Department of Financial Services ซึ่งมีความน่าเชื่อถือสูง
บิทคอยน์ออปชั่น
หลังจากเปิดให้บริการบิทคอยน์ฟิวเจอร์สไปแล้ว CME ยังเตรียมเปิดให้บริการตราสารอนุพันธ์อีกรูปแบบนั่นคือ ออปชั่น ที่อ้างอิงกับ บิทคอยน์ จะเริ่มให้บริการได้ในไตรมาสแรกของปี 2020 ล่าสุด Bakkt เตรียมเปิดให้สามารถซื้อขายบิทคอยน์ออปชั่นได้เช่นกัน
ทั้งนี้ ออปชั่น เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการบริหารความเสี่ยงในการลงทุน โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกได้ว่าจะใช้สิทธิในการซื้อ บิทคอยน์ ล่วงหน้าหรือขายบิทคอยน์ ล่วงหน้า ต่างจากฟิวเจอร์สที่มีจุดประสงค์หลักคือการเก็งกำไร
บริการ Lending สำหรับเงินดิจิตอล
หากโบรกเกอร์หุ้นมีบริการให้กู้ยืมหุ้น ตอนนี้เราสามารถนำเงินดิจิตอลที่ถือครองอยู่มาปล่อยกู้และรับดอกเบี้ยได้เช่นกัน โดยผู้ให้บริการคือ Binance ซึ่งเป็น Crypto Exchange รายใหญ่ของโลก โดยเปิดให้ผู้ที่ถือเหรียญ BNB (Token ของ Binance เอง) ETC และ USDT โอนเหรียญดังกล่าวมาให้กับทาง Binance นำไปปล่อยมาร์จิ้นให้กับนักลงทุนคนอื่นอีกทีหนึ่ง โดยผู้ที่ปล่อยให้กู้จะได้รับดอกเบี้ยตั้งแต่ 7-15% ต่อปี ซึ่งถือว่าสูงพอสมควร
Algorithm Trading
หรือโปรแกรมซื้อขายอัตโนมัติ เป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนที่ไม่มีเวลามากนักอีกทั้งตลาดซื้อขายเงินดิจิตอลยังเป็นตลาดที่เปิดซื้อขายตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง และยังมีความผันผวนสูง ทำให้มีบริการที่ซื้อขายอัตโนมัติโดยพัฒนาวิธีการตัดสินใจซื้อขายจากข้อมูลราคาในอดีตมาสร้างเป็นระบบซื้อขาย รูปแบบการให้บริการอาจจะคิดค่าธรรมเนียมรายเดือนจากลูกค้ารวมถึงคิดส่วนแบ่งกำไรบางส่วน (Profit Sharing)
กองทุนบิทคอยน์อีทีเอฟ
เป็นเครื่องมือการลงทุนที่ถูกจับตามานานว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้จริงเมื่อไร เนื่องจากสำนักงาน ก.ล.ต. ของสหรัฐฯได้เลื่อนการพิจารณากองทุนดังกล่าวมาแล้วหลายรอบ โดยมีผู้ยื่นขอจัดตั้งกองทุนดังกล่าวประมาณ 6-7 ราย ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือกองทุนที่จัดตั้งโดยสองพี่น้องฝาแฝด Winklevoss (เป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในผู้ลงทุนรายแรกๆของเฟซบุ๊ค)
คาดการณ์ว่าหากกองทุนอีทีเอฟที่ลงทุนในบิทคอยน์เกิดขึ้นได้จริงจะมีเม็ดเงินมหาศาลจากนักลงทุนสถาบันทั่วโลกเข้ามาลงทุน เพราะเป็นกองทุนที่เปิดโอกาสให้ Fiat Money เข้ามาลงทุนในเงินดิจิตอลได้ และจะเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ราคาบิทคอยน์ปรับตัวสูงขึ้น
อยากทำความรู้จักเครื่องมือการลงทุนใหม่ๆในเงินดิจิตอลเพิ่มเติมอ่านได้ใน Medium ของ Patrick Tan ซีอีโอ Novum Global Technology