อิหร่านกลายเป็นประเทศแรกของโลกที่ให้การยอมรับเงินคริปโตเคอเรนซี่ในระดับประเทศเมื่อมีการแก้กฎหมายให้ธนาคารกลางสามารถนำเงินคริปโตมาใช้ในการจ่ายค่าสินค้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศได้
อ้างอิงจากสำนักข่าวท้องถิ่นของอิหร่าน ทาง IRNA ได้เผยความคืบหน้าครั้งสำคัญนี้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยชี้ว่า การแก้กฎหมายในครั้งนี้เกิดขึ้นจากความพยายามร่วมกันของธนาคารกลางอิหร่าน (CBI) และกระทรวงพลังงาน กำหนดเหล่านักขุดต้องส่งเงินคริปโตเคอเรนซี่ที่ได้มาไปยังธนาคารกลางเพื่อนำไปใช้ในการนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่น
“เหล่านักขุดต้องส่งเงินคริปโตเคอเรนซี่ที่ได้มาให้แก่ทางธนาคารกลางโดยตรงในอัตราที่กำหนด” รายงานระบุ โดยนี่เป็นเหมือนกับการเก็บภาษีที่นักขุดต้องจ่ายตามจำนวนพลังงานไฟฟ้าที่ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงพลังงานนั่นเอง
การเปิดใช้เงินคริปโตของอิหร่านในครั้งนี้นั้นเป็นผลมาจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงอย่างต่อเนื่องนับมาตั้งแต่ปี 2018 โดยมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 38% ต่อปี รวมไปถึงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่ไม่ยอมให้อิหร่านให้เงินสกุลดอลลาร์ในการค้าขายระหว่างประเทศ
ขณะที่เศรษฐกิจของอิหร่านตกต่ำลงเรื่อย ๆ และย่ำแย่ลงไปอีกในปีนี้จากวิกฤตไวรัสโคโรน่า โดยไตรมาสล่าสุดเศรษฐกิจของอิหร่านหดตัวไปถึง 10% ทางการจึงต้องเร่งหาทางออกใหม่ ๆ มาเพื่อกระตุ้นการค้าระหว่างประเทศ รวมไปจนถึงการเปิดธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน
อย่างไรก็ตาม นี่นำมาซึ่งคำถามที่ว่า การใช้เงินคริปโตเคอเรนซี่โดยเฉพาะบิทคอยน์ในการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของอิหร่านในครั้งนี้ จะทำให้ทางสหรัฐฯมีมาตรการออกมาตอบโต้อย่างไร และจะมีผลเสียต่อวงการคริปโตมากแค่ไหน
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: อิหร่านไฟเขียว เปิดให้โรงไฟฟ้าทำธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ควบคู่กันไปด้วย
