- จากการศึกษาของ Citigroup พบว่าราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นเนื่องจากการปฏิบัติการทางทหารหรือการโจมตีของผู้ก่อการร้ายมักจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และอาจจะเกิดขึ้นแบบเรียลไทม์
- แน่นอนว่า เหตุผลดังกล่าวเป็นเพราะตัวทองคำเองไม่มีการสร้างผลตอบแทนใด ๆ และมีการใช้งานที่จำกัด คือเป็นเพียงแค่เครื่องประดับและเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ซึ่งและแม้แต่บทบาทที่ว่านี้ก็ดูเหมือนจะเห็นผลในระยะเวลาอันยาวนานเท่านั้น
สิ่งที่เปล่งประกายระยิบระยับหาใช่ทองคำไม่ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในอดีตที่ผ่านมา
ในขณะที่ราคาทองคำอาจพุ่งสูงขึ้นตั้งแต่เริ่มมีการโจมตีของรัสเซียในยูเครน หากประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินต่อไป ราคาที่พุ่งขึ้นของทองคำก็อาจจะเป็นเพียงแค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้น
จากการศึกษาโดย Citigroup (-3.26%) ราคาของทองคำที่พุ่งสูงขึ้นเนื่องจากการปฏิบัติการทางทหารหรือการโจมตีของผู้ก่อการร้ายมักจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวและนั่นอาจจะเกิดขึ้นแบบเรียลไทม์
แม้ว่าราคาทองคำจะถีบตัวพุ่งขึ้นถึง 3.4 % ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เมื่อรัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนเต็มรูปแบบ กระนั้น ราคาทองคำก็ยังปรับตัวอยู่ในช่วงขาขึ้นตั้งแต่นั้นมา เช่นเดียวกับสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ อย่าง น้ำมัน ข้าวสาลี และอะลูมิเนียม ต่างก็ดีดตัวขึ้น
แน่นอนว่า เหตุผลดังกล่าวเป็นเพราะตัวทองคำเองไม่มีการสร้างผลตอบแทนใด ๆ และมีการใช้งานที่จำกัด คือเป็นเพียงแค่เครื่องประดับและเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ซึ่งและแม้แต่บทบาทที่ว่านี้ก็ดูเหมือนจะเห็นผลในระยะเวลาอันยาวนานเท่านั้น
ในทางกลับกัน สินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น พลังงานและอาหาร จะเห็นผลกระทบด้านอุปทานอย่างรุนแรงตราบเท่าที่การรุกรานของรัสเซียยังคงดำเนินต่อไป
สำหรับผลกระทบในระยะกลาง อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบอย่างแท้จริงต่อแร่โลหะทองคำนี้ ในขณะที่ความต้องการโลหะในอุตสาหกรรมมีแนวโน้มที่จะยังคงมีอยู่ เนื่องจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานที่เกิดจากการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19และรุนแรงขึ้นจากวิกฤตยูเครน
ปีที่แล้ว โกลด์แมน แซคส์ (-0.88%) และ Citigroup คาดการณ์ว่าทองคำจะพุ่งแตะระดับสูงสุดที่ 2,300 ดอลลาร์จากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น แต่หลังจากนั้นได้ลดการคาดการณ์เหล่านั้นลงเหลือเพียง 30% ที่ทองคำจะทำสถิติใหม่อีกครั้งที่ 2,100 ดอลลาร์ในปีนี้
ทั้งนี้ ทองคำถือเป็นสินทรัพย์เสี่ยงพิเศษในฐานะแนวป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดการพลิกกลับอย่างรวดเร็วเนื่องจากการสิ้นสุดของสงครามในยูเครน โดยที่ทองคำแท่งอาจร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดที่ 1,800 เหรียญสหรัฐหรือต่ำกว่านั้นได้
บางที นักลงทุนอาจต้องเรียนรู้บทเรียนจากประวัติศาสตร์ กล่าวคือในช่วงระหว่างยุทธการวอเตอร์ลู ตระกูลรอธส์ไชลด์เดิมพันว่าการทำสงครามกับฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรจะมีแนวทางเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันของความขัดแย้งครั้งก่อนศึ่งกินเวลายืดเยื้อ ทำให้รอธส์ไชลด์ตัดสินใจลงเดิมพันทองคำอย่างหนัก .
ทองคำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างกองทัพในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 และ รอธส์ไชลด์ มีความเห็นว่าความต้องการจะคงอยู่อย่างต่อเนื่องเพื่อรวบรวมให้ได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม เมื่อกองทัพของนโปเลียนพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วที่วอเตอร์ลู ความต้องการทองคำก็หายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ย้อนกลับมาอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน การแนะนำทองคำเข้าสู่พอร์ตในขั้นตอนนี้อาจทำให้นักลงทุนมีความผันผวนมากกว่าที่จะทำหน้าที่เป็นตัวป้องกันความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์
ในระยะกลาง เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น กรณีการลงทุนสำหรับทองคำอาจลดลงและบ่อนทำลายเหตุผลในการเข้าซื้อตำแหน่งทองคำในตอนแรก