มีการรายงานถึงความร่วมมือกับระหว่างรัฐบาล สิงคโปร์ และหอการค้านานาชาติ (ICC) ได้ผนึกกำลังกับบริษัทการเงินชั้นนำ 16 บริษัท รวมไปถึงบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Mastercard, Mitsubishi Corporation, DBS Bank, Tokyo Marine และ Marubeni Corporation เพื่อเร่งพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนที่จะเข้ามามีส่วนสำคัญในการทำธุรกรรมทุกรูปแบบในอนาคตอันใกล้นี้ และยังช่วยส่งเสริมการค้าและการพาณิชย์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในทุกๆมิติ
รัฐบาลสิงคโปร์ยังได้ร่วมมือกับบริษัท Perlin ผู้ให้บริการทางด้าน Blockchain Service ในการสร้างโปรเจค ICC TradeFlow บนเครือข่าย TradeTrust ที่จะถูกนำมาใช้กับกลุ่มพันธมิตรในครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยให้การทำงานร่วมกันข้ามแพลตฟอร์มที่แตกต่างกันไป-มาได้อย่างอิสระ
ปัจจุบันมีการทดสอบใช้ระบบดังกล่าวแล้ว โดยสามารถลดระยะเวลาการดำเนินงานจาก 45 วัน เหลือเพียง 25 วัน โดยยังมีเป้าหมายถัดไปคือลดเวลาลงให้เหลือเพียง 24 ชั่วโมง หรือภายในหนึ่งวันอีกด้วย
จุดประสงค์หลักของการจัดตั้งกลุ่มเพื่อผลักดันและส่งเสริมในครั้งนี้ คือความต้องการที่จะเปลื่ยนถ่ายจากระบบการดำเนินงานที่เก็บหลักฐานและเอกสารต่างๆจากเดิมที่อยู่ในรูปแบบของกระดาษหรือสิ่งพิมพ์มาเป็นการเก็บหลักฐานเป็นไฟล์ข้อมูลดิจิตอลในระบบ เนื่องจากสามารถเรียกดูหรือตรวจสอบได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้ช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน อีกทั้งยังมีความปลอดภัยและแม่นยำกว่าในบางกรณีที่มักมีสาเหตุมาจากความผิดพลาดของบุคคล (Human error)
จากแนวโน้มของอุตสาหกรรมการเงินทั่วทั้งโลก ทุกฝ่ายต่างตระหนักและให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยเชื่อว่ามันจะเป็นกุญแจสำคัญในการเปลื่ยนแปลงอุตสาหกรรมการเงินให้เข้าสู่ยุคดิจิตอลอย่างเต็มตัว
เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาสถาบันบันการเงินชั้นนำของโลกยังได้ร่วมมือกับองค์กรการค้าโลกเพื่อตั้งกฏเกณฑ์ร่วมกัน โดยใช้ชื่อว่า Blockchain & DLT in Trade: A Reality Check ที่ได้รับการรับรองจากหอการค้านานาชาติ (ICC) ซึ่งเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่นำเทคโนโลยี บล็อกเชนมาเป็นพื้นฐานของระบบในการจัดการภาคธุรกิจการเงินและการค้าอีกด้วย
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: “Inthanon-LionRock” โครงการระหว่างธนาคารกลางแห่งประเทศไทยและฮ่องกงทดสอบระบบต้นแบบเสร็จสิ้นแล้ว