สรุปตลาดคริปโต
- สัปดาห์ที่ผ่านมามีการเปิดตัว Bitcoin ETFs สองตัวในภูมิภาคอเมริกาเหนือ
- Bitcoin ETFs ดูจะส่งอิทธิพลดันให้ราคาบิทคอยน์ในสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวเพิ่มขึ้น
- สำหรับสัปดาห์นี้ เราคาดว่าราคามีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก เพราะเหล่านักลงทุนเริ่มเข้ามาลองลงทุนใน Bitcoin ETFs สองตัวดังกล่าว
- ราคาบิทคอยน์ (+0.09%) ขยับพุ่งถึง 57,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ราว 56,700 ดอลลาร์สหรัฐ และยังคงรักษาระดับราคาอยู่ที่ระดับดัวงกล่าว ท่ามกลางทุนไหลออกที่เริ่มช้าลงเมื่อเทียบกับทุนไหลเข้า (โดยปกติการไหลออกของเงินทุนมักส่งสัญญาณว่า เทรดเดอร์ กำลังยืดเวลาการถือครองบิทคอยน์เพราะคาดหวังว่าราคาบิทคอยน์จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น)
- มีแนวโน้มว่าบรรดาบริษัทองค์กรทั้งหลายจะประกาศจัดสรรปันส่วนเงินสดของบริษัทเข้ามาลงทุนในบิทคอยน์มากขึ้น โดยเรามองว่าเป็นการเข้าลงทุนแบบบนลงล่างหรือ Top Down ที่บริษัทหันมาทุ่มทรัพยาการของตนไปยัง BTC โดยเริ่มต้นจากบริษัทขนาดใหญ่ก่อนลามไปยังบริษัทขนาดกลาง
- UNI มีการขยับปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้จะหน้าใหม่เปิดตัวเป็นคู่แข่งเข้าสู่ตลาดอย่าง PancakeSwap ซึ่งในรอบสัปดาห์นี้
- อาจได้เห็นช่วงราคาอยู่ระหว่าง 26- 32 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการภาวะขาขึ้นของราคาเข้าสู่ช่วงพักเบรก
- ETH2 ของ Ethereum อาจเริ่มเร่งกระบวนการพัฒนาเพื่อรักษาความเป็นผู้นำภายใต้การคุกคามจาก Binance Smart Chain ดังนั้นจับตาติดตามช่วงต่อไปของ ETH2ให้ดี
- จับตาดูการฟ้องร้อง XRP ของสหรัฐฯต่อเนื่องจากข่าวความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะส่งผลต่อราคา
สรุปภาวะตลาดโดยทั่วไป
- ตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดส่งท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างค่อนข้างราบเรียบ โดยดัชนีเอสแอนด์พี500 (-0.19%) ดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิต (+0.07%) และดัชนีอุตสาหกรรมดาวน์โจนส์ (+0.00%) มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่กิจกรรมความเคลื่อนไหวในตลาดฟิวเจอร์สบ่งชี้ว่า ตลาดกำลังเตรียมพร้อมทำนิวไฮอีกระลอกในสัปดาห์นี้
- ด้านตลาดหุ้นทั่วเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าของการเปิดตลาดรับวันจันทร์ของรอบสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงุทนยังคงเดินหน้าเทขายพันธบัตรเพราะมีการขยับขึ้นของอัตราผลตอบแทน
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.340% ซึ่งทำให้นักลงทุนตาลุกวาว อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวสูงขึ้นโดยไม่ต้องมีการแทรกแซงของธนาคารกลางสหรัฐเนื่องจากนักลงทุนทิ้งพันธบัตรที่ “ปลอดภัย” เพื่อเดิมพันสินทรัพย์เสี่ยง (อัตราผลตอบแทนจะเพิ่มขึ้นเมื่อพันธบัตรราคาตกลง)
- ค่าเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าลงในตลาดการซื้อขายในตลาดเอเชีย
- ราคาน้ำมันในวันศุกร์ของสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในตลาดไนเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม 2564 (-2.12%) ทรงตัวที่ 59.24 ดอลลาร์สหรัฐเนื่องจากนักลงทุนพยายามชั่งน้ำหนักจากปัจจัยที่ขัดแย้งกันซึ่งรวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่ลดลงความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
- ราคาทองคำในตลาดโคเม็กซ์งวดเดือนเมษายน 2564 (+ 0.14%) แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 1,777.40 ดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง
ภาพรวมของตลาด
นักลงทุนเริ่มหันเข้าหาความเสี่ยงอีกครั้ง โดยเมินเฉยต่อคำเตือนให้ระมัดระวัง เห็นได้จากการที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากเทรดเดอร์ทิ้งทรัพย์สินที่“ ปลอดภัย” และยอมรับความเสี่ยงในตลาดหุ้นที่เป็นวัฏจักรแม้จะมีคำเตือนฟองสบู่กะพริบเตือนมาแล้วก็ตาม
ขณะเดียวกัน การที่เหล่านักลงทุนคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ทำให้นักลงทุนต่างหันมาสนใจภาคส่วนของเศรษฐกิจที่มีการประเมินมูลค่าค่อนข้างสมเหตุสมผล รวมถึงสนใจหุ้นที่ถูกลืมไปในช่วงการระบาดของโควิด-19 มากขึ้น
สำหรับในภูมิภาคเอเชีย ตลาดส่วนใหญ่ต่างสปรับตัวขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงที่มองเห็นได้หลังมีการเปิดเผยข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจมากขึ้นโดยดัชนี Nikkei 225 ของโตเกียว (+ 0.78%) และดัชนีดัชนี Hang Seng ของฮ่องกง (+ 0.33%) ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ดัชนี ASX 200 ของซิดนีย์ (-0.02%) และดัชนี Kospi ของโซล (- 0.08%) ปรับตัวลดลงเล็กน้อย
PATRICK TAN, SCN CONTRIBUTOR
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) แห่ง Novum Alpha บริษัทด้านการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำที่ใช้เครื่องมือ Deep Learning ในการสร้างผลตอบแทนในรูปเงินดอลลาร์ภายใต้ทุกสภาพเงื่อนไขของตลาด