สองชนเผ่าพื้นเมืองทางตอนเหนือของประเทศบราซิลซึ่งเคยเป็นอดีตคู่อริ หันมาจับมือร่วมกันสร้างเงินคริปโตเคอเรนซี่ของตัวเองเพื่อต่อสู้กับการกีดกันทางการเงินและความไม่เอาใจใส่ของภาครัฐ
ผู้นำของบราซิล ประธานาธิบดี Jair Bolsonaro นั้นมีภาพลักษณ์ค่อนข้างลบและมีพฤติกรรมเหยียดเชื้อชาติโดยเฉพาะกับชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศ โดยก่อนหน้านี้ในปี 1998 เขาเคยได้กล่าวกับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นว่า “โชคร้ายที่ทหารม้าบราซิลไม่เก่งกาจเท่าทหารม้าของอเมริกา เพราะทหารม้าอเมริกากำจัดพวกอินเดียนแดงไปได้หมด” และในขณะที่เขาดำรงตำแหน่งเป็นประนาธิบดีเขาก็ได้พยายามใช้อำนาจในการตัดการช่วยเหลือและลดทอนสิทธิเสรีภาพของชาวพื้นเมืองเหล่านี้มาตลอด
ชนเผ่าพื้นเมือง Surui Paiter และ Cintas-Largas ที่กระจายกันอาศัยอยู่ในจังหวัด Rondônia และ Mato Grosso ทางภาคเหนือของประเทศจึงร่วมมือกันสร้าง Utility Token ขึ้นมาภายใต้ชื่อ OYX โดยจะเปิดการระดมทุนและรับบริจาคด้วยการขายโทเคนดังกล่าวจำนวน 100 ล้านโทเคนที่ราคาโทเคนละ 10 เรียล (ประมาณ 60 บาท)
โดย Whitepaper ของโทเคน OYX นั้นเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของการประท้วง เมื่อเหล่าชนเผ่าต้องเจอกับรัฐที่ไม่แยแสและกีดกัน พวกเขาจึงต้องหันมาสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ให้กับตัวเองโดยมีข้อความบางส่วนระบุว่า
“เมื่อเราไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในการต่อสู้กับผู้บุกรุกเข้ามาทำเหมืองอย่างผิดกฎหมาย เหล่านายหน้าค้าที่ดินเถื่อน และไวรัสโควิด-19 ชนเผ่า Surui Paiter และ Cintas-Largas ที่มีประชากรรวมกันกว่า 4,000 คนต้องต่อสู้เพื่อตนเองในสภาวะความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ เราถูกทิ้งให้สู้กับการระบาดของไวรัสโควิดโดยลำพังและไม่ได้รับการช่วยเหลือใด ๆ จากภาครัฐ บล็อกเชนคืออาวุธที่เราเลือกใช้ในการต่อสู้อย่างสันติ และเราจะไม่ยอมตกเป็นจำเลยของนโยบายที่ไม่เป็นธรรมของรัฐบาลนี้อีกแล้ว”
พวกเขายังคาดหวังว่า นักลงทุนจะเข้ามาช่วยเหลือพวกเขาผ่านการขายโทเคน OYX ได้โดยชี้ว่ามันมีความโปร่งใสมากกว่าการบริจาคในรูปแบบอื่น เพราะผู้ช่วยเหลือสามารถติดตามและมั่นใจได้ว่าเงินดังกล่าวไปถึงมือผู้รับอย่างแท้จริง
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: Bitcoin ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการต่อต้านอำนาจรัฐได้อย่างไร?