สหรัฐอเมริกากลายเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งสำหรับผู้ขุดบิทคอยน์อย่างเป็นทางการ โดยถือเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ แซงหน้าจีน
ทั้งนี้ ข้อมูลใหม่จากดัชนีการใช้ไฟฟ้าบิทคอยน์ของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ มีส่วนแบ่งการขุดมากที่สุดที่ 35.4% รองลงมาคือคาซัคสถานและรัสเซียที่ 21.9% และ 13.6% ตามลำดับ โดยหลังจากการปราบปรามคริปโตอย่างเข้มงวด ซึ่งส่วนแบ่งแฮชเรตเฉลี่ยรายเดือนของจีนลดลงเหลือ 0% ภายในเดือนกรกฎาคม
ก่อนที่จะมีการปราบปรามคริปโตทั่วประเทศ จีนนับว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของการขุดบิทคอยน์ในแง่ของแฮชเรต โดยคิดเป็น 75.5% ของแฮชเรตการขุดบิทคอยน์ของโลกในเดือนกันยายน 2019 ซึ่งเมื่อรัฐบาลจีนตัดสินใจที่จะระงับการซื้อขายคริปโตครึ่งหนึ่งของนักขุดบิทคอยน์ของโลกก็ออฟไลน์เกือบในชั่วข้ามคืน
ดังนั้น นักขุดบิทคอยน์จำนวนมากจึงเริ่มแห่กันไปที่สหรัฐอเมริกาเพื่อรับพลังงานที่อุดมสมบูรณ์และหมุนเวียนเพื่อกลับมาดำเนินการที่นั่นอีกครั้ง โดย เท็กซัส เป็นพื้นที่ที่มีราคาพลังงานที่ต่ำที่สุดในโลก ซึ่งเหมาะสำหรับนักขุดที่แข่งขันในอุตสาหกรรมที่มีอัตรากำไรต่ำ สำหรับรัฐอื่น ๆ วอชิงตันเป็นที่รู้จักในด้านการทำเหมืองแร่พลังน้ำในขณะที่นิวยอร์กผลิตไฟฟ้าพลังน้ำมากที่สุด
“การขุดมีความอ่อนไหวต่อราคา ดังนั้นเพื่อค้นหาพลังงานที่มีต้นทุนต่ำที่สุดและพลังงานที่มีต้นทุนต่ำที่สุดมีแนวโน้มที่จะนำมาหมุนเวียนใหม่ได้ เนื่องจากหากคุณกำลังเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล … จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการสกัด การกลั่น และการขนส่ง”
Adam Back ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ Blockstream กล่าว
ในส่วนของอันดับที่สองอย่างคาซัคสถานก็กำลังไล่ตามสหรัฐฯ มาติดๆ ในแง่ของส่วนแบ่งของตลาดการขุดบิทคอยน์ทั่วโลก โดยประเทศแห่งนี้ใช้พลังของถ่านหินซึ่งมีราคาถูกและมีปริมาณมาก แต่ก็ต้องแลกกับปัญหาสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการขุดหลายคนเชื่อว่าคาซัคสถานเป็นเพียงจุดแวะพักชั่วคราวสำหรับนักขุดที่ต้องการเดินทางต่อไปยังประเทศตะวันตกหลังจากนั้น โดย Alex Brammer แห่ง Luxor Mining กล่าวว่า นักขุดรายใหญ่จะแห่ไปคาซัคสถานพร้อมอุปกรณ์รุ่นเก่าในระยะสั้น
ขณะเดียวกัน Brammer กล่าวเสริมว่า บริษัทต่างๆ มีแนวโน้มที่จะปรับใช้เครื่องจักรใหม่ในเขตอำนาจศาลที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ประหยัดพลังงาน และสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ หลังจากที่เครื่องรุ่นเก่าหมดอายุการใช้งาน