- เหล่าขาใหญ่ในตลาดวอลล์สตรีท และบรรดาบริษัทที่มีความถี่ในการเทรดสูงกำลังทุ่มเงินและเพิ่มขีดความสามารถมากขึ้นในการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี
- ความต้องการของสถาบันกำลังกระตุ้นการแข่งขันในตลาดสกุลเงินดิจิทัลด้วยผลตอบแทนมหาศาลจากความไร้ประสิทธิภาพขั้นต้นที่เป็นไปได้
บรรดากลุ่มคนในช่วงวัย 20 ปี ซึ่งซุกตัวอยู่ในอาคารสำนักงานธรรมดา ๆ ย่านใจกลางเมืองสิงคโปร์ และยกกระทิงแดงกระป๋องขึ้นซด กำลังก้มหน้าขะมักเขม่นกับการกรอกรหัสหลายพันบรรดาเพื่อหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพระบบการจัดการคำสั่งซื้อของพวกเขา
แน่นอนว่า ภาพที่เห็นนี้ไม่ใช่บริษัทสตาร์ทอัพรายใหญ่รายต่อไปของสิงคโปร์ และไม่ใช่ผู้เข้ารหัสที่ต้องการหาเงินจากหุ้นหรือสินทรัพย์ทางการเงินแบบดั้งเดิมอื่น ๆ แต่เป็นทีมนักพัฒนาซอฟต์แวร์รุ่นใหม่และมีความสามารถกำลังมองหาวิธีหาเงินจำนวนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากความไร้ประสิทธิภาพที่มีอยู่ในการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล
ตามที่ผู้ค้าคริปโตมากประสบการณ์จะบอกคุณ ตัวเลขราคาสินทรัพย์ของคริปโตใด ๆ จะขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการซื้อหรือขายสินทรัพย์นั้นที่ใด และราคาเท่าไหร่
ด้วยลักษณะการกระจายอำนาจของคริปโตเคอร์เรนซี แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กด้วยปริมาณจริงและของปลอมต่างโพสต์ราคาสำหรับสินทรัพย์คริปโตหลายพันรายการ ส่งผลให้เกิดโอกาสมากมายในการอ่านและทำกำไรจากการเก็งกำไรและความคลาดเคลื่อนของราคา
ความเคลื่อนไหวข้างต้น ถือเป็นสิ่งที่ดึงนักลงทุนรายใหญ่ชั้นนำบางส่วนใน ตลาดวอลล์สตรีทในการทำตลาดในคริปโตเคอร์เรนซี เพื่อพยายามที่จะสร้างรายได้จากกระแสที่ร่ำรวยจากบรรดานักลงทุนสถาบัน
บริษัทยักษ์ใหญ่บางแห่งในตลาดตราสารทุนของสหรัฐที่ว่านี้ รวมถึง Jump Trading, GTS และ Jane Street โดยบริษัทที่กล่าวมาต่างก็เพิ่มการลงทุนในการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล หลังจากหลายปีของความลับเกี่ยวกับการโจมตีครั้งแรกในกลุ่มสินทรัพย์ที่เพิ่งตั้งไข่นี้
ทั้งนี้ การเทรดที่มีความถี่สูงได้เปลี่ยนภูมิทัศน์ของตลาดตราสารทุนในสหรัฐฯ ด้วยการดำเนินการซื้อขายที่มีความหน่วงต่ำและเพิ่มประสิทธิภาพสูง ซึ่งช่วยให้ผู้ดูแลสภาพคล่องอย่าง Jump Trading, GTS และ Jane Street ทำเงินได้เพียงเพนนีในแต่ละธุรกรรม แต่มีรายได้หลายพันล้านต่อปี
ผู้กำหนดตลาดเหล่านี้จำนวนมากต้องการนำความเชี่ยวชาญที่เฉียบขาดในตราสารทุนมาสู่สกุลเงินดิจิทัล เนื่องจากนักลงทุนสถาบันได้รับผลตอบแทนสูงจากพื้นที่สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีให้มากขึ้น
ด้านนักวิเคราะห์ของ JPMorgan Chase (-0.24%) ได้ประมาณการว่าเมื่อปลายปีที่แล้ว นักเทรดความถี่สูงต้องรับผิดชอบเกือบ 80% ของราคา บิทคอยน์ที่ส่งไปยังตลาดแลกเปลี่ยน โดยธุรกิจการค้าที่ขับเคลื่อนด้วยคอมพิวเตอร์จำนวนมากเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่ “การค้าพื้นฐาน” ซึ่งเป็นความคลาดเคลื่อน ระหว่างราคาสปอตและราคาอนุพันธ์ของสกุลเงินดิจิทัล
ตัวอย่างเช่น เมื่อต้นเดือนนี้ ค่าสเปรดระหว่าง Ether และอนาคตของ Ether ที่จะหมดอายุในเดือนมีนาคมปีหน้านั้นกว้างถึง 7.1% ทำให้ผู้ค้าสามารถล็อคค่าสเปรดนั้นโดยเพียงแค่ซื้อโทเค็นพื้นฐานและขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
แต่บริษัทในวอลล์สตรีทอาจต้องตัดงานของพวกเขาออกไป เนื่องจากตลาดสกุลเงินดิจิทัลนั้นออกแบบโดยการกระจายอำนาจ และบริษัทซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่เชี่ยวชาญนั้นกำลังเดินด้อม ๆ มองๆ ในตลาดโดยอาจมีการแลกเปลี่ยนด้วยตัวเอง ซึ่งหลายแห่งยังคงไม่ได้รับการควบคุม ปิดกั้นเส้นทางสู่ผลกำไรง่าย ๆ นี้
